(ยกเลิก ฉบับเดิม เดือน กย.2555 ใช้ฉบับข้างล่างนี้แทน)
คาชี้แจงกรมสรรพากร
เรื่อง
------------------------------
โดยที่มีพระราชกาหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 18) พ.ศ. 2555 กาหนดหลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยาขึ้นใหม่ ให้สามีและภริยาต่างฝ่าย ต่างมีหน้าที่ยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากกันและแบ่งเงินได้พึงประเมินที่สามีและภริยา ทาร่วมกัน หรือสามีและภริยาจะตกลงเลือกยื่นรายการและเสียภาษีรวมกันก็ได้
เพื่อให้เป็นแนวทางปฏิบัติของผู้มีหน้าที่เสียภาษีและเจ้าหน้าที่สรรพากร จึงขอชี้แจง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยาสาหรับการยื่นรายการและ เสียภาษีสาหรับปีภาษี 2555 เป็นต้นไป ดังต่อไปนี้
แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยา (ฉบับที่ 2)
ข้อ 1 ให้ยกเลิกคาชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยา ลงวันที่ 19 กันยายน 2555
ข้อ 2 การยื่นรายการเงินได้พึงประเมิน
2.1 การยื่นรายการและเสียภาษีแยกต่างหากจากกัน
2.1.1 สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างมีหน้าที่ยื่นรายการและเสียภาษีในนามตนเอง
ตัวอย่างที่ ๑
2.1.2 สาหรับเงินได้พึงประเมินที่ไม่อาจแยกได้ว่าเป็นของสามีหรือภริยาแต่ละฝ่าย จานวนเท่าใด
(1) ถ้าเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (2) (3) (4) (5) (6) (7) และ (8) แห่งประมวลรัษฎากร ให้แบ่งเงินได้พึงประเมินเป็นของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง
(2) เฉพาะเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (8) แห่งประมวลรัษฎากร จะเลือก แบ่งเป็นของแต่ละฝ่ายตามส่วนที่ตกลงกันก็ได้ แต่รวมกันต้องไม่น้อยกว่าเงินได้พึงประเมินที่ได้รับ ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้แบ่งเป็นของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง
เมื่อได้เลือกตาม (1) หรือ (2) แล้ว ให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสาหรับปีภาษีนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการในปีภาษีเดียวกัน จะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีก่อน
/ ตัวอย่างที่ 2 ...
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามียื่น รายการเงินได้รวม 1,000,000 บาท (800,000 + 200,000) ภริยายื่นรายการเงินได้รวม 800,000 บาท (500,000 + 300,000) ๒
ตัวอย่างที่ 2
สามีและภริยามีเงินได้จากค่าเช่าบ้านร่วมกัน 800,000 บาท ให้แบ่งเงินได้เป็นของสามี 400,000 และเงินได้ของภริยา 400,000 บาท
ตัวอย่างที่ 3
สามีและภริยามีเงินได้จากการเปิดร้านขายอาหารร่วมกัน 400,000 บาท จะแบ่งเงินได้เป็นของสามีและภริยาฝ่ายละกึ่งหนึ่ง คือเป็นของสามี 200,000 บาท และของภริยา 200,000 บาท หรือจะตกลงแบ่งตามส่วนที่เป็นของตนก็ได้ เช่น ตกลงแบ่งเงินได้เป็นส่วนของสามีร้อยละ 20 และ เป็นส่วนของภริยาร้อยละ 80 ดังนั้น สามีมีเงินได้ 80,000 บาท ภริยามีเงินได้ 320,000 บาท
ตัวอย่างที่ 4
ถ้าสามีและภริยาต้องการเปลี่ยนส่วนเงินได้ทั้งในกรณียื่นแบบแสดงรายการฉบับปกติและ ในการยื่นแบบเพิ่มเติมดังกล่าว เช่น แบ่งเป็นของสามีและภริยาฝ่ายละครึ่งหนึ่ง หรือเปลี่ยนแปลงส่วนเงินได้เป็นของสามีร้อยละ 40 และเป็นส่วนของภริยาร้อยละ 60 จะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีกรมสรรพากร
จากตัวอย่างที่ 3 ถ้าสามีและภริยาตกลงแบ่งส่วนเงินได้จากการขายอาหารจานวน 400,000 บาท เป็นส่วนของสามีร้อยละ 20 และเป็นส่วนของภริยาร้อยละ 80 และยื่นแบบ แสดงรายการเสียภาษีเงินได้ไว้แล้ว หากต่อมาพบว่ายื่นเงินได้พึงประเมินจากการขายอาหาร ดังกล่าวขาดไป 100,000 บาท การยื่นแบบแสดงรายการเพิ่มเติมสามีและภริยายังคงต้องแบ่งส่วนเงินได้เป็นของสามีร้อยละ 20 และของภริยาร้อยละ 80 เช่นเดิม เงินได้ที่ต้องปรับปรุงรายการ จึงเป็นส่วนของสามี 20,000 บาท (100,000 x 20/100) และส่วนของภริยา 80,000 บาท (100,000 x 80/100)
2.2 การเลือกยื่นรายการและเสียภาษีรวมกัน
สามีและภริยาอาจเลือกยื่นรายการและเสียภาษีโดยเลือกเอาเงินได้ทุกรายการไปรวมกันและยื่นเสียภาษีในนามของฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งหรือจะเลือกแยกเฉพาะเงินได้ตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ยื่นรายการและ เสียภาษีในนามของตนเองก็ได้ ดังนี้
วิธีที่ 1 การยื่นรายการและเสียภาษีรวมกันทั้งหมด
ให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของภริยาเป็นเงินได้ของสามีหรือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของสามีเป็นเงินได้ของภริยา
ตัวอย่างที่ 5
กรณีดังกล่าวภริยามีสิทธิเลือกนาเงินได้ทั้งหมด 850,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี หรือสามีจะเลือกนาเงินได้ทั้งหมด 1,050,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยาก็ได้
/ วิธีที่ 2 ...
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท นอกจากนั้นสามีและภริยายังมีเงินได้ค่าเช่าบ้านร่วมกัน 100,000 บาท ดังนั้น สามีมีเงินได้รวม 1,050,000 บาท (จากเงินเดือน 800,000 บาท ค่านายหน้า 200,000 บาท และจากค่าเช่าบ้านแบ่งคนละครึ่งกับภริยา 50,000 บาท (100,000/2)) ส่วนภริยามีเงินได้รวม 850,000 บาท (จากเงินเดือน 500,000 บาท วิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท และจากค่าเช่าบ้านแบ่งคนละกึ่งหนึ่ง กับสามี 50,000 บาท (100,000/2)) ๓
วิธีที่ 2 การเลือกยื่นรายการและเสียภาษีรวมกันบางส่วน
เมื่อได้เลือกยื่นรายการและเสียภาษีวิธีใดวิธีหนึ่งแล้ว ให้ถือว่าเป็นวิธีการยื่นรายการสาหรับปีภาษีนั้น หากมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการเลือกยื่นรายการในปีภาษีเดียวกัน จะต้องได้รับอนุมัติจากอธิบดีก่อน
ให้ถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดตามมาตรา 40 (2) -(8) แห่งประมวลรัษฎากร ของภริยาเป็นเงินได้ของสามี หรือเอาเงินได้ทั้งหมดตามมาตรา 40 (2) -(8) แห่งประมวลรัษฎากร ของสามีเป็นเงินได้ของภริยา ส่วนเงินได้ พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ของแต่ละฝ่ายให้แยกยื่นรายการและเสียภาษี ในนามของตนเองก็ได้
ตัวอย่างที่ 6
ตามตัวอย่างที่ 5 ภริยามีสิทธิเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท และ ค่าเช่าบ้านส่วนของภริยา 50,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท
ตัวอย่างที่ 7
ตามตัวอย่างที่ 5 สามีมีสิทธิเลือกนาเงินได้ค่านายหน้า 200,000 บาท และค่าเช่าบ้านส่วนของสามี 50,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท
ตัวอย่างที่ 8
สามีและภริยาได้เลือกวิธีการรวมคานวณภาษีตามวิธีที่ 1 (ตามตัวอย่างที่ 5) ต่อมาพบว่าเงินได้จากวิชาชีพการบัญชียื่นไว้ขาด 100,000 บาท การยื่นแบบแสดงรายการเพิ่มเติมจะต้องนาเงินได้ที่ยื่นขาดดังกล่าวไปถือเป็นเงินได้ของสามีหรือของภริยาแล้วแต่กรณี โดยสามีและภริยาต้องร่วมรับผิดในการเสียภาษีที่ค้างชาระ
ข้อ 3 การหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน
3.1 การหักค่าใช้จ่าย
กรณีที่ไม่อาจแยกได้ว่าเงินได้พึงประเมินนั้นเป็นของสามีหรือภริยาแต่ละฝ่ายจานวนเท่าใด ซึ่งสามีและภริยาได้แบ่งเงินได้ตาม 2.1.2 และเงินได้พึงประเมินประเภทดังกล่าวกาหนดให้หักค่าใช้จ่ายตามความจาเป็นและสมควรได้นั้น ให้สามีและภริยาเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตามสัดส่วนของ เงินได้พึงประเมินที่ได้แบ่งเป็นของแต่ละฝ่าย
ให้สามีหรือภริยาต่างฝ่ายต่างหักค่าใช้จ่ายได้ตามอัตราที่กาหนดไว้สาหรับเงินได้แต่ละประเภท (ตามมาตรา 42 ทวิ ถึงมาตรา 46 แห่งประมวลรัษฎากร)
ตัวอย่างที่ 9
/ 3.2 การหักลดหย่อน ...
สามีและภริยามีเงินได้จากการขายอาหารร่วมกันซึ่งไม่อาจแยกได้จานวน 400,000 บาท โดยสามีและภริยาได้เลือกแบ่งเงินได้ดังกล่าวตามส่วนที่ตกลงกัน คือส่วนของสามีร้อยละ 40 เป็นเงิน 160,000 บาท (400,000 x 40/100) ส่วนของภริยาร้อยละ 60 เป็นเงิน 240,000 บาท (400,000 x 60/100) โดยกิจการดังกล่าวมีหลักฐานพิสูจน์ค่าใช้จ่ายรวม 360,000 บาท ดังนั้น ถ้าเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจาเป็นและสมควร สามีและภริยาจะต้องเฉลี่ยค่าใช้จ่ายตามสัดส่วนของเงินได้ โดยสามีหักได้ 144,000 บาท (360,000 x 40/100) ภริยาหักได้ 216,000 บาท (360,000 x 60/100) หรือสามีเลือกหักค่าใช้จ่ายเหมาซึ่งหักได้ร้อยละ 70 (ตามอัตราที่กฎหมายกาหนด) เป็นเงิน 112,000 บาท (160,000 x 70/100) ส่วนภริยาเลือกหักค่าใช้จ่ายตามความจาเป็นและสมควรตามส่วนเฉลี่ยจานวน 216,000 บาท ก็ได้ ๔
3.2 การหักลดหย่อน
3.2.1 การหักลดหย่อนสาหรับผู้มีเงินได้ และสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ตามมาตรา 47 (1) (ก) และ (ข) แห่งประมวลรัษฎากร
(1) กรณีมีเงินได้ฝ่ายเดียว ให้ผู้มีเงินได้หักลดหย่อนส่วนตัวได้ 30,000 บาท และหักลดหย่อนสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้อีก 30,000 บาท
(2) กรณีมีเงินได้ทั้งสองฝ่าย
(ก) แยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากกัน ให้ผู้มีเงินได้หักลดหย่อนส่วนตัวได้ 30,000 บาท แต่จะหักลดหย่อนสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้อีกไม่ได้
(ข) เลือกยื่นรายการและเสียภาษี
ตามมาตรา 47 แห่งประมวลรัษฎากร
วิธีที่ 1
กรณีถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของภริยาเป็นเงินได้ของสามี หรือเอาเงินได้ทั้งหมดของสามีเป็นเงินได้ของภริยา ให้ผู้มีเงินได้หักลดหย่อนส่วนตัวได้ 30,000 บาท และหักลดหย่อนสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ 30,000 บาท
ตัวอย่างที่ 10
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีหักลดหย่อนส่วนตัวได้ 30,000 บาท และหักลดหย่อนภริยาได้ 30,000 บาท
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา ภริยาหักลดหย่อนส่วนตัวได้ 30,000 บาท และหักลดหย่อนสามีได้ 30,000 บาท
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท
วิธีที่ 2
กรณีถือเอาเงินได้ตามมาตรา 40 (2) -(8) แห่งประมวลรัษฎากร ของภริยาเป็นเงินของสามี หรือเอาเงินได้ทั้งหมดตามมาตรา 40 (2) -(8) แห่งประมวลรัษฎากร ของสามีเป็น เงินได้ของภริยา ส่วนเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ของแต่ละฝ่าย แยกยื่นรายการและเสียภาษีในนามของตนเอง ให้ผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนส่วนตัว ฝ่ายละ 30,000 บาท แต่จะหักลดหย่อนสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้อีกไม่ได้
ตัวอย่างที่ 11
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีและภริยา ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนส่วนตัวได้ฝ่ายละ 30,000 บาท แต่ไม่มีสิทธิหักลดหย่อนสามีและภริยาของผู้มีเงินได้
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนส่วนตัวได้ฝ่ายละ 30,000 บาท แต่ไม่มีสิทธิหักลดหย่อนสามีและภริยาของผู้มีเงินได้
/ 3.2.2 การหักลดหย่อน ...
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ๕
3.2.2 การหักลดหย่อนบุตรและการหักลดหย่อนการศึกษาบุตร ตามมาตรา 47 (1) (ค) (ฉ) แห่งประมวลรัษฎากร
(1) กรณีมีเงินได้ฝ่ายเดียว ให้สามีหรือภริยาฝ่ายที่มีเงินได้หักลดหย่อนบุตรได้ 15,000 บาท และการศึกษาบุตร 2,000 บาท สาหรับบุตร 1 คน
ตัวอย่างที่ 12
(2) กรณีมีเงินได้ทั้งสองฝ่าย (ก) แยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากกัน ให้สามีและภริยาผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนบุตรได้ 15,000 บาท และการศึกษาบุตร 2,000 บาท สาหรับบุตร 1 คน
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ มีบุตรด้วยกัน 1 คน สามีหักลดหย่อนบุตร 15,000 บาท และการศึกษาบุตรอีก 2,000 บาท
ตัวอย่างที่ 13
(ข) เลือกยื่นรายการและเสียภาษี
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย มีบุตรด้วยกัน 1 คน โดยต่างฝ่ายต่างยื่นรายการและเสียภาษีแยกจากกัน สามีและภริยาหักลดหย่อนบุตร 15,000 บาท และการศึกษาบุตรอีก 2,000 บาท (รวมฝ่ายละ 17,000 บาท) ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาจะมีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ก็ตาม
วิธีที่ 1
กรณีถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของภริยาเป็นเงินได้ของสามี หรือ เอาเงินได้ทั้งหมดของสามีเป็นเงินได้ของภริยา ให้หักลดหย่อนสาหรับบุตรรวมกันได้ 30,000 บาท และการศึกษาบุตร 4,000 บาท สาหรับบุตร 1 คน
ตัวอย่างที่ 14
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีหักลดหย่อนบุตรส่วนของตน 15,000 บาท การศึกษาบุตรส่วนของตน 2,000 บาท และหักลดหย่อนบุตรส่วนของภริยา 15,000 บาท การศึกษาบุตรส่วนของภริยา 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 34,000 บาท
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา ภริยาหักลดหย่อนบุตรส่วนของตน 15,000 บาท การศึกษาบุตรส่วนของตน 2,000 บาท และหักลดหย่อนบุตรส่วนของสามี 15,000 บาท การศึกษาบุตรส่วนของสามี 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 34,000 บาท
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย มีบุตรด้วยกัน 1 คน สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท
วิธีที่ 2
/ ตัวอย่างที่ 15 ...
กรณีถือเอาเงินได้ตามมาตรา 40 (2) -(8) แห่งประมวลรัษฎากร ของภริยาเป็นเงินของสามี หรือเอาเงินได้ทั้งหมดตามมาตรา 40 (2) -(8) แห่งประมวลรัษฎากร ของสามีเป็น เงินได้ของภริยา ส่วนเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ของแต่ละฝ่ายแยกยื่นรายการและเสียภาษีในนามของตนเอง ให้ผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนสาหรับบุตรได้ 15,000 บาท และการศึกษาบุตร 2,000 บาท สาหรับบุตร 1 คน ๖
ตัวอย่างที่ 15
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีและภริยาหักลดหย่อนบุตร 15,000 บาท และการศึกษาบุตรอีก 2,000 บาท (ฝ่ายละ 17,000 บาท)
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีและภริยาหักลดหย่อนบุตร 15,000 บาท และการศึกษาบุตรอีก 2,000 บาท (ฝ่ายละ 17,000 บาท)
3.2.3 การหักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืม ตามมาตรา 47 (1) (ซ) แห่งประมวลรัษฎากร
(1) กรณีมีเงินได้ฝ่ายเดียว สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างกู้ยืม ให้ฝ่ายที่มีเงินได้ หักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้เฉพาะส่วนของตนได้ตามจานวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ถ้าสามีหรือภริยามีเงินได้ฝ่ายเดียวและร่วมกันกู้ยืม ให้สามีหรือภริยาฝ่ายที่มีเงินได้หักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ตามจานวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย มีบุตรด้วยกัน 1 คน สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท
ตัวอย่างที่ 16
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีกู้ยืมและจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท ภริยากู้ยืมและจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท สามีหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้เฉพาะส่วนของตน 10,000 บาท
ตัวอย่างที่ 17
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ ภริยากู้ยืมและจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท สามีหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมไม่ได้
ตัวอย่างที่ 18
(2) กรณีมีเงินได้ทั้งสองฝ่าย
(ก) แยกยื่นรายการและเสียภาษีต่างหากจากกัน
กรณีที่ 1 ถ้ากู้ยืมฝ่ายเดียว สามีหรือภริยาฝ่ายที่กู้ยืมสามารถหักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ตามจานวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ ถ้าสามีภริยาร่วมกันกู้ยืมและจ่ายดอกเบี้ย เงินกู้ยืมเป็นจานวน 10,000 บาท สามีมีสิทธิหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ทั้งจานวน 10,000 บาท
ตัวอย่างที่ 19
กรณีที่ 2 ถ้าร่วมกันกู้ยืม ให้ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ กึ่งหนึ่งของจานวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันไม่เกิน 10,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาจะได้มีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ก็ตาม
/ ตัวอย่างที่ 20 ...
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย สามีเป็นผู้กู้ยืมฝ่ายเดียวและจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท สามีหักลดหย่อนได้ 10,000 บาท ส่วนภริยาไม่สามารถหักลดหย่อนได้ ๗
ตัวอย่างที่ 20
กรณีที่ 3 ถ้าต่างฝ่ายต่างกู้ยืม ให้ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมส่วนของตนได้ตามจานวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาจะได้มีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ก็ตาม
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย ถ้าสามีภริยาร่วมกันกู้ยืมและได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเป็นจานวน 10,000 บาท สามีหักลดหย่อนได้ 5,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนได้ 5,000 บาท
ตัวอย่างที่ 21
กรณีที่ 4 ถ้าต่างฝ่ายต่างมีสิทธิหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาสมรสกัน ให้ต่างฝ่ายต่างยังคงหักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมส่วนของตนได้ตามจานวน ที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 10,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาจะได้มีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ก็ตาม
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย และต่างฝ่ายต่างกู้ยืมโดยได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมฝ่ายละ 10,000 บาท สามีและภริยาหักลดหย่อนได้ฝ่ายละ 10,000 บาท
ตัวอย่างที่ 22
(ข) เลือกยื่นรายการและเสียภาษี โดยสามีและภริยาต่างฝ่ายต่างกู้ยืม
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่ายและมีสิทธิหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมอยู่ก่อนแล้วฝ่ายละ 10,000 บาท ต่อมาสมรสกัน สามีและภริยายังคงหักลดหย่อนได้ฝ่ายละ 10,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาจะได้มีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ก็ตาม
วิธีที่ 1
กรณีถือเอาเงินได้พึงประเมินทั้งหมดของภริยาเป็นเงินได้ของสามี หรือเอาเงินได้ทั้งหมดของสามีเป็นเงินได้ของภริยา ให้ผู้มีเงินได้หักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ยเงินกู้ยืมในส่วนของตนตามจานวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท และส่วนของสามีหรือภริยาของผู้มีเงินได้ตามจานวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท
ตัวอย่างที่ 23
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท ภริยาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท สามีหักลดหย่อน ส่วนของตน 1๐,000 บาท และส่วนของภริยา 10,000 บาท (รวม 20,000 บาท)
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา สามีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท ภริยาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท ภริยาหักลดหย่อน ส่วนของตน 1๐,000 บาท และส่วนของสามี 10,000 บาท (รวม 20,000 บาท)
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท
วิธีที่ 2
/ ตัวอย่างที่ 24 ...
กรณีถือเอาเงินได้ตามมาตรา 40 (2) – (8) แห่งประมวลรัษฎากร ของภริยาเป็นเงินของสามี หรือเอาเงินได้ทั้งหมดตามมาตรา 40 (2) – (8) แห่งประมวลรัษฎากร ของสามีเป็น เงินได้ของภริยา ส่วนเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ของแต่ละฝ่าย แยกยื่นรายการและเสียภาษีในนามของตนเอง ให้ผู้มีเงินได้ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนสาหรับดอกเบี้ย เงินกู้ยืมในส่วนของตนได้ตามจานวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 10,000 บาท ๘
ตัวอย่างที่ 24
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท ภริยาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท สามีและภริยาหักลดหย่อนได้ฝ่ายละ 10,000 บาท
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท ภริยาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 10,000 บาท สามีและภริยาหักลดหย่อนได้ฝ่ายละ 10,000 บาท
3.2.4 กรณีรายการลดหย่อนใดที่มีสิทธิหักได้เพิ่มขึ้น (ยกเว้นภาษีสาหรับเงินได้ เท่าที่จ่าย) ผู้มีเงินได้ยังคงหักลดหย่อนได้เช่นเดิม เช่น ดอกเบี้ยเงินกู้ยืมมีสิทธิหักลดหย่อนได้รวม 100,000 บาท (ลดหย่อน ๑๐,๐๐๐ บาท และยกเว้นภาษีอีก ๙๐,๐๐๐ บาท) เบี้ยประกันชีวิตมีสิทธิหักลดหย่อนได้รวม 100,000 บาท (ลดหย่อน ๑๐,๐๐๐ บาท และยกเว้นภาษีอีก ๙๐,๐๐๐ บาท) ซึ่งจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กาหนดไว้ในแต่ละกรณี
สาหรับการหักลดหย่อนรายการอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวข้างต้น เช่น เบี้ยประกันชีวิต กองทุนสารองเลี้ยงชีพ กองทุนประกันสังคม ค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา เป็นต้น ผู้มีเงินได้ยังคง มีสิทธิหักลดหย่อนได้ตามมาตรา 47 แห่งประมวลรัษฎากร เช่นเดิม ทั้งนี้ ตามเอกสารแนบท้ายคาชี้แจงกรมสรรพากร
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท
ข้อ 4
จึงขอชี้แจงและประกาศมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน
การเก็บภาษีเงินได้จากสามีและภริยาก่อนปีภาษี 2555 นั้น เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญได้มีคาวินิจฉัยที่ 48/2545 ลงวันที่ 12 กันยายน 2545 ว่า ประมวลรัษฎากร มาตรา 57 ตรี และมาตรา 57 เบญจ ไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 มาตรา 29 มาตรา 30 และมาตรา 80 ดังนั้น การจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามี และภริยาก่อนปีภาษี 2555 ต้องปฏิบัติตามคาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 48/2545 ลงวันที่ 12 กันยายน 2545 และบังคับใช้บทบัญญัติในมาตรา 57 ตรี และมาตรา 57 เบญจ แห่งประมวลรัษฎากรต่อไป โดยไม่ขัดหรือแย้งต่อคาวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 17/2555 ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2555
กรมสรรพากร
14 มกราคม 2556
สานักกฎหมาย
โทร. 0-2272-8288
เอกสารแนบท้ายคาชี้แจงกรมสรรพากร
เรื่อง
ลงวันที่ 14 มกราคม 2556
-----------------------------------------------
ตัวอย่างการหักลดหย่อนตามมาตรา 47 แห่งประมวลรัษฎากร
(รายการอื่นๆ นอกเหนือจากที่ปรากฏในคาชี้แจง)
1. สาหรับเบี้ยประกันชีวิต
ตัวอย่างที่ 1
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาท สามีหักลดหย่อน 1๐,000 บาท
ตัวอย่างที่ 2
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาท ภริยาจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาท ถ้าความเป็นสามีภริยาได้มีอยู่ตลอดปีภาษี สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท และส่วนของภริยา 1๐,000 บาท (รวม ๒๐,000 บาท) แต่ถ้าความเป็นสามีภริยา มิได้มีอยู่ตลอดปีภาษี สามีหักลดหย่อนได้เฉพาะส่วนของตน 1๐,000 บาท
ตัวอย่างที่ 3
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย โดยต่างฝ่ายต่างยื่นรายการและเสียภาษีแยกจากกัน สามีจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาท ภริยาจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาท สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท
ตัวอย่างที่ 4
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท และส่วนของภริยา 10,000 บาท (รวม 20,000 บาท)
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา ภริยาหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท และส่วนของสามี 10,000 บาท (รวม 20,000 บาท)
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีจ่ายเบี้ย ประกันชีวิต 10,000 บาท ภริยาจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาท
ตัวอย่างที่ 5
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยา มีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาท ภริยาจ่ายเบี้ยประกันชีวิต 10,000 บาท
2. สาหรับเงินสะสมที่จ่ายเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ
ตัวอย่างที่ 6
/ ตัวอย่างที่ 7 ... ๒
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 10,000 บาท สามีหักได้ 1๐,000 บาท
ตัวอย่างที่ 7
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย โดยต่างฝ่ายต่างยื่นรายการและเสียภาษีแยกจากกัน สามีจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 10,000 บาท ภริยาจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 10,000 บาท สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท
ตัวอย่างที่ 8
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท และส่วนของภริยา 10,000 บาท (รวม 20,000 บาท)
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา ภริยาหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท และส่วนของสามี 10,000 บาท (รวม 20,000 บาท)
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 10,000 บาท ภริยาจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 10,000 บาท
ตัวอย่างที่ 9
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนส่วนของตน 1๐,000 บาท
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยา มีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 10,000 บาท ภริยาจ่ายเงินสะสมเข้ากองทุนสารองเลี้ยงชีพ 10,000 บาท
3. สาหรับเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
ตัวอย่างที่ 10
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีหักลดหย่อนเงินสมทบกองทุนประกันสังคมได้ตามจานวนที่จ่ายจริง
ตัวอย่างที่ 11
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่ายโดยต่างฝ่ายต่างยื่นรายการและเสียภาษีแยกจากกัน สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนเงินสมทบกองทุนประกันสังคมได้ตามจานวนที่จ่ายจริง
ตัวอย่างที่ 12
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีหักลดหย่อนได้ทั้งส่วนของตนและส่วนของภริยา
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา ภริยาหักลดหย่อนได้ทั้งส่วนของตนและส่วนของสามี
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยา มีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างจ่ายเงินสมทบกองทุนประกันสังคม
ตัวอย่างที่ 13
/ กรณีภริยา ... ๓
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนเงินสมทบกองทุนประกันสังคมส่วนของตนได้ตามจานวนที่จ่ายจริง
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนเงินสมทบกองทุนประกันสังคมส่วนของตนได้ตามจานวนที่จ่ายจริง
4. สาหรับค่าอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดา
ตัวอย่างที่ 14
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของตน สามีหักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท (รวม 60,000 บาท) และถ้าสามีได้อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของภริยาด้วย สามีมีสิทธิหักลดหย่อนบิดาของภริยา 30,000 บาท และมารดาของภริยา 30,000 บาท (รวม 120,000 บาท)
ตัวอย่างที่ 15
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย สามีภริยาต่างฝ่ายต่างอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของตน สามีหักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท (รวม 60,000 บาท) ส่วนภริยาหักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท (รวม 60,000 บาท)
ตัวอย่างที่ 16
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีหักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท และหักลดหย่อนบิดาของภริยา 30,000 บาท และมารดาของภริยา 30,000 บาท (รวม 120,000 บาท)
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา สามีภริยาต่างฝ่ายต่างอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของตน ภริยาหักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท และหักลดหย่อนบิดาของสามี 30,000 บาท และมารดาของสามี 30,000 บาท (รวม 120,000 บาท)
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีภริยาต่างฝ่ายต่างอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของตน
ตัวอย่างที่ 17
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยา แยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีหักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท (รวม 60,000 บาท) ส่วนภริยาหักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท (รวม 60,000 บาท)
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีหักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท (รวม 60,000 บาท) ส่วนภริยา หักลดหย่อนบิดาของตน 30,000 บาท และมารดาของตน 30,000 บาท (รวม 60,000 บาท)
/ 5. สาหรับค่าอุปการะ ... ๔
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีภริยาต่างฝ่ายต่างอุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาของตน
5. สาหรับค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ
ตัวอย่างที่ 18
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ 1 คน สามีหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท
ตัวอย่างที่ 19
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ 1 คน ภริยาอุปการะเลี้ยงดูบุตรชอบด้วยกฎหมายที่เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ 1 คน และอุปการะเลี้ยงดูบิดาชอบด้วยกฎหมายที่เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพอีก 1 คน สามีหักลดหย่อนคนพิการหรือคนทุพพลภาพ ที่ตนเป็นผู้ดูแลได้ 60,000 บาท และมีสิทธิหักลดหย่อนบุตรที่ภริยาเป็นผู้ดูแลได้ 60,000 บาท (รวม 120,000 บาท) แต่จะหักลดหย่อนบิดาของภริยาไม่ได้
ตัวอย่างที่ 20
สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย สามีภริยาต่างฝ่ายต่างอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ 1 คน สามีหักลดหย่อนคนพิการหรือคนทุพพลภาพที่ตนเป็นผู้ดูแลได้ 60,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนคนพิการหรือคนทุพพลภาพที่ตนเป็นผู้ดูแลได้ 60,000 บาท
ตัวอย่างที่ 21
กรณีภริยาเลือก นาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีหักลดหย่อนคนพิการหรือคนทุพพลภาพที่ตนเป็นผู้ดูแลได้ 60,000 บาท และที่ภริยาเป็นผู้ดูแลได้ 60,000 บาท (รวม 120,000 บาท)
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา ภริยาหักลดหย่อนคนพิการหรือคนทุพพลภาพที่ตนเป็นผู้ดูแลได้ 60,000 บาท และที่ภริยาเป็นผู้ดูแลได้ 60,000 บาท (รวม 120,000 บาท)
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีภริยาต่างฝ่ายต่างอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ 1 คน
ตัวอย่างที่ 22
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนได้ 60,000 บาท
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีภริยาต่างฝ่ายต่างอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือคนทุพพลภาพ 1 คน
6. สาหรับเงินบริจาค
ตัวอย่างที่ 23
สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างบริจาคเงินให้กับวัด สามีหักลดหย่อนได้เฉพาะเงินบริจาคส่วนของตน
ตัวอย่างที่ 24
/ ตัวอย่างที่ 25 ... ๕
สามีภริยาต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างบริจาคเงินให้กับวัด สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนได้เฉพาะเงินบริจาคส่วนของตน
ตัวอย่างที่ 25
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 800,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี สามีหักลดหย่อนได้ทั้งเงินบริจาคส่วนของตนและเงินบริจาคส่วนของภริยา
กรณีสามีเลือกนาเงินได้ทั้งหมดจานวน 1,000,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา ภริยาหักลดหย่อนได้ทั้งเงินบริจาคส่วนของตนและเงินบริจาคส่วนของสามี
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยามีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างบริจาคเงินให้กับวัด
ตัวอย่างที่ 26
กรณีภริยาเลือกนาเงินได้จากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท ไปรวมคานวณกับสามี โดยภริยาแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 500,000 บาท สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนได้เฉพาะเงินบริจาคส่วนของตน
กรณีสามีเลือกนาเงินได้จากค่านายหน้า 200,000 บาท ไปรวมคานวณกับภริยา โดยสามีแยกยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีเฉพาะเงินเดือน 800,000 บาท สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนได้เฉพาะเงินบริจาคส่วนของตน
------------------------------------------
สามีมีเงินได้จากเงินเดือน 800,000 บาท และจากค่านายหน้า 200,000 บาท ส่วนภริยา มีเงินได้จากเงินเดือน 500,000 บาท และจากวิชาชีพการบัญชี 300,000 บาท สามีและภริยาต่างฝ่ายต่างบริจาคเงินให้กับวัด แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยา (ฉบับที่ 2)
|