ดอกเอ๋ยดอกสร้อย เรียงร้อย ถ้อยคำที่ฉ่ำหวาน
ขึ้นเอ๋ยเปรยบทพจมาน เป็นกลอนกานท์จากสำนวนชวนนิยม
ลงท้ายเอย ตอนจบได้ข้อคิด เพื่อพินิจ ไพเราะได้เหมาะสม
สี่บาทเป็นบทหนึ่งซึ้งอารมณ์ เอาคำคมมาเรียงร้อยดอกสร้อยเอย
ดอกเอ๋ยดอกไม้ งามวิไลหลายหลากล้วนมากสี
หลายรสหลายกลิ่นประทิ่นมี เปรียบสตรีเพริศพลิ้วต่างผิวพรรณ
ดอกเดี่ยวดอกช่อก็มากล้น ต่างต้นต่างขนาดดาษไพรสัณฑ์
ต่างกิ่งต่างเถาว์ต่างเผ่าพันธุ์ นิยมกันปลูกทั่วดินถิ่นไทยเอย
ดอกเอ๋ยดอกตะแบก จำแนกตามแหล่งแบ่งเป็นสอง
เกิดคลองทุ่งตะแบกนาน่ามอง ประเภทสองตะแบกหินถิ่นเกิดมา
ดอกช่อสีเทาเศร้านิดนิด ชวนให้คิดถึงใครไกลหนักหนา
เห็นตะแบกอยู่หินถิ่นท้องนา งามระย้าม่วงอมเทาเศร้าใจเอย
พุทธเอ๋ยพุทธรักษา เหลืองระย้า แดงเด่นเป็นศักดิ์ศรี
ใช้กราบพ่อ แทนคุณอุ่นอารี เปรียบความดีของพ่อก่อเกิดมา
พระคุณพ่อ ล้ำค่าหาใดเทียบ เปรยเปรียบโพธิ์ชัยแผ่ใยหนา
พ่อให้เลือดให้เนื้อเผื่อเมตตา พุทธรักษาเหลืองเรื่อเพื่อพ่อเอย
ดอกเอ๋ยดอกรักเร่ เจ้ารวนเรหมุนเวียนเปลี่ยนแปรผัน
เร่ลมเร่รักหักสัมพันธ์ เปลี่ยนคืนวันเปลี่ยนหน้าพาไตรถรอง
คู่ชู้ชมประโลมจิต เปลี่ยนชีวิตหมุนเวียนเปลี่ยนเป็นสอง
รักเร่เร่ร้ายใจลำพอง หากแม้นปองรักเร่ว้าเหว่เอย
ดอกเอ๋ยดอกรัง เหลืองสพรั่ง เป็นพวงกลิ่นหอมหวน
ถึงฤดู เดือนสามผึ้งเย้ายวน ดอกขาวล้วนออกส้มลมโชยมา
ใช้สอดสร้อย ร้อยมาลัยใส่มวยผม และนิยมคล้องคอก็หรูหรา
คนอีสานนำไปไว้บูชา ดอกไม้ป่าหอมเย็นเป็นมงคล
พุทธกาลเรียกว่า ดอกสาละ ปางพุทธะคือไม้เด่นเป็นกุศล
ที่ประสูติ ปรินิพานบันดาลดล สาธุชนนำมาบูชาเอย
ดอกเอ๋ยดอกลำดวน กลิ่นหอมหวนดอกไม้ในแดนป่า
ลมโบกโบยโรยรินกลิ่นผกา ฝูงผึ้งป่าคอยแนบแอบเชยชม
กลีบเหลืองอ่อนห่อหุ้มกลุ่มเกสร กันภมรโลมไล้ให้ชื่นชม
เมื่อแรกแย้ม เบ่งบานทานสายลม อยากเด็ดดมชมช่อล้อลมเอย
ดอกเอ๋ยดอกลั่นทม แดงขาวอมแกมเหลืองเรื่องปางหลัง
เคยมีรักภักดีไม่จีรัง มาสิ้นหวัง จึงเข้าพึ่งถึงศาสดา
เอามาปลูกในวัดตัดความเศร้า ให้นามเจ้า ลีลาวดีศรีบุปผา
ระลึกชาติปางหลังครั้งก่อนมา เป็นดอกฟ้าทรงธรรมล้ำเลิศเอย
ขอขอบคุณ อาจารย์สี เพชรพิมพ์
บ้านเหล่าหนาด ต.นาผือ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ
| 
