
ดุซงญอรำลึก
''ชัย สานุวัฒน์''

‘’อาซิกือเละดูเมาะยาแก(อาซิกลับบ้านเดิมที่ยาแก)
มะนอเจ๊ะแวดียอบอเวาะแกตอ(มะนอเจะแวมันขับรถตู้)
ยูมิงบูจิบูเละบีนิงดียะออ(ยูมิงบูจิได้เมียที่ยะออ)ยาดีลามอเตาะยูปอดียอ(นานแล้วไม่ได้เจอกัน)
ช่วยบอกมันด้วยว่าเรายังคิดถึง ไอ้ศักดิ์ ไอ้ผึ้งยังจำกันได้ไหมหนอ
กีตองายีสกาลีดีดุซงญอ กูเตาะลูปอดูเมาะกีตอบ้านเรา
(เราเรียนด้วยกันที่ดุซงญอ เราไม่เคยลืมบ้านเราเลย)
ผมเป็นพุทธเพื่อนเป็นมุสลิม รอยยิ้มมันก็ยังเหมือนเก่า คบกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ก็ไม่เคยจะมีเรื่องแตกร้าว ไปอยู่กรุงเทพฯ เกือบยี่สิบปี กลับบ้านนานที่เพื่อนก็ยังเหมือนเก่า ไม่มีใครมาแบ่งแยกเรา สัมพันธ์อันยาวนานมันยังคงยั่งยืน’’
ชัย สานุวัฒน์ ศิลปินชื่อดังเจ้าของบทเพลงยอดนิยม ‘วอนพ่อขุน’และ’โอ้ เอ็ม บี’ แห่งค่ายแกรมมี่โกลด์ สร้างปรากฏการณ์สะท้านวงการเพลงใต้สะเทือนเลื่อนลั่น ด้วยลีลาการขับขานบทเพลงที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวน้ำเสียงโดดเด่น กระทั่งมีศิลปินชื่อดังหลายคนในวงการหยิบยกเพลงวอนพ่อขุนไปขับร้องต่อในลีลาของแต่ละคน
เนื้อหาข้างต้นคือบทเพลง ‘ดุซงญอรำลึก’ที่ ชัย สานุวัฒน์ แต่งขึ้นโดยใช้หัวใจ เลือดเนื้อ และสายสัมพันธ์ลึกซึ้งแนบแน่นที่มีต่อเพื่อนพ้องในบ้านเกิด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนคนไทยพุทธหรือมุสลิม เพราะ’ชัย สานุวัฒน์’คือคนเดียวกับ ‘เด็กชาย ชัย สานุวัฒน์’นักเรียนตัวน้อยแห่งโรงเรียนบ้านดูซงซอ อำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส เมื่อ ๓๐ ปีก่อน
บุตรชายของ ‘ตาเหล็ก’ นายโชติ สานุวัฒน์ หรือชื่อที่พี่น้องมุสลิมตั้งให้คือ ‘เจ๊ะมามะ’ นักการภารโรงผู้ชำนาญช่างฝีมือฉกาจอย่างหาตัวจับได้ยาก และมารดาคือ’น้านี’ ดารุณี สานุวัฒน์
‘ผมเกิดที่บ้านดุซงญอ หมู่บ้านที่มีประวัติศาสตร์ของการต่อสู้มายาวนาน พ่อแม่เป็นคนไทยพุทธ เติบโตมาก็ศึกษาเล่าเรียนตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ ที่โรงเรียนบ้านดุซงญอ ดุซงญอสมันนั้นเป็นชุมชนค่อนข้างใหญ่ มีคนไทยพุทธ คนไทยเชื้อสายจีน และคนไทยมุสลิม อาศัยอยู่ร่วมกัน มีสายสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมายาวนาน พวกเราเด็กๆคบหากันอย่างสนิทสนม เวลาว่างก็พากันไปยิงนกตกปลา ไปวางเบ็ดราวตามท้องทุ่ง เรียกว่าสารพัดกิจการที่เราได้ทำร่วมกัน ทำให้กลายเป็นความผูกพันแนบแน่นลึกซึ้งมากกระทั่งทุกวันนี้ เช่น อาซิ ,มะนอ,ยูมิงบูจิ,หรือไอ้ศักดิ์ ที่ผมเอ่ยชื่อในบทเพลงคือเพื่อนที่เรียนร่วมห้องกันมาตั้งแต่สมัยเด็กๆกระทั่งทุกวันก็ยังคบหากันเป็นเพื่อนสนิทกันอยู่’
หลังจากเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ ๖ ทีโรงเรียนบ้านดุซงญอ ชัย สานุวัฒน์ เดินทางไปเรียนต่อนอกพื้นที่ กระทั่งไปศึกษาที่วิทยาลัยเทคนิคยะลา ในขณะที่ครอบครัวยังคงอาศัยอยู่ที่บ้านเกิด โดยบิดาเป็นนักการภารโรงอยู่ที่โรงเรียนบ้านดุซงญอจนเกษียณอายุราชการ ส่วนมารดารับหน้าที่เป็นแม่บ้าน พร้อมกับทำสวนและค้าขายเล็กๆน้อยๆไปด้วย
ด้วยความเป็นคนชมชอบและเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเด็ก ทำให้ ชัย สานุวัฒน์ เฝ้าฝึกหัดขับร้องเพลงและเล่นดนตรีมาโดยตลอด เครื่องดนตรีที่ชองเป็นชีวิตจิตใจคือ ‘กีตาร์’ ซึ่งหลังจากฝึกหัดร้องเล่นจนได้ที่ก็กระโดดไปรับงานเล่นดนตรีตามห้องอาหาร เวที่รำวง และงานต่างๆแล้วแต่จะมีผู้ว่าจ้าง
ไม่นานต่อมา ชะตาชีวิตทำให้ ชัย สานุวัฒน์ มีโอกาสได้ออกเทปกับค่ายเทปยักษ์ใหญ่ คือ แกรมมี่โกลด์ ทำให้ผลงานเพลงชุด ‘วอนพ่อขุน’โดนดังไปทั่วประเทศ ตามมาด้วยชุด ‘ชัย สานุวัฒน์ Studio 2 ยังรักยังห่วง’ก่อนจะตัดสินใจออกมาเป็นศิลปินอิสระออกผลงานชุด ‘บันทึกจาก...ปลายเข็ม ‘ซึ่งมีบทเพลง ‘ดูซงญอรำลึก ‘ บรรจุอยู่ด้วย
‘’แนวทางการทำงานของผมคือ ผมจะไม่ทิ้งเรื่องของศิลปะพื้นบ้านหรือกลิ่นอายความเป็นคนท้องถิ่นซึ่งเป็นราเหง้าหรือตัวตนที่แท้จริงของผมผสมผสานกับแนวดนตรีสมัยใหม่กลายเป็นดนตรีร่วมสมัย จะเห็นได้จากผลงานชุดวอนพ่อขุน มีเพลง โอ้ เอ็ม. บี. ซึ่งใช้ทำนองเพลงมาเลเซีย เนื้อหามุ่งสะท้อนปัญหาเยาวชนกับยาเสพติด ผลงานเพลงชุดสองมีการใส่ภาษามลายูในบทเพลงชื่อ หยุด เพื่อสื่อให้เห็นถึงกำลังใจจากเพื่อนมุสลิมที่ให้กำลังใจเราขณะประสบปัญหาในชีวิตรัก และล่าสุดคือ ดูซงญอรำลึก ผมเชื่อว่าหากมีใครได้ผ่านมารับฟังบทเพลงเหล่านี้บ้างจะทำให้เกิดความรู้สึกดีๆ ได้ชื่นชมซึมซับกับความรู้สึกผูกพันระหว่างศาสนาที่มีการเกื้อกูลกันมายาวนานและสามารถนำไปสู่การก่อให้เกิดความสมานฉันฑ์ในพื้นที่ในที่สุด’
ทุกวันนี้ ชัย สานุวัฒน์ พำนักอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันต์ แต่ครอบครัวยังคงอาศัยอยู่ในจังหวัดนราธิวาสมีเวลาคราใดก็มักจะเดินทางไปเยี่ยมเยือนครอบครัวและบ้านเกิด และที่ขาดไม่ได้คือการแวะไปเยี่ยมเยือนสัมพันธ์บรรยากาศเก่าๆ ณ บ้านเกิด คือ ‘บ้านดุซงญอ’สถานที่ซึ่งเปี่ยมไปด้วยความทรงจำที่ดีระหว่างเพื่อนๆญาติพี่น้องไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ตาม
‘’ ผมเสียดายโอกาส พื้นที่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มีศักยภาพสูงมาก ทั้งเรื่องของเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว หรือการอยู่อาศัย รวมถึงศิลปวัฒนธรรมหรือการดนตรี อย่างนราธิวาสเป็นจังหวัดที่ตัวเมืองอยู่ติดกับทะเลที่สวยงาม เดินทางสะดวก ใครมาใครไปก็ประทับใจ แต่วันนี้ไม่มีใครกล้าลงมาเที่ยวในพื้นที่อีก ผมสงสารและเห็นใจพี่น้องในพื้นที่มาก ถ้าเป็นไปได้ก็อยากวอนฝากไปถึงกลุ่มผู้ก่อการไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนก็ตามขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงต่อพี่น้องเสียเถอะ เพราะทุกคนล้วนรักชีวิต ล้วนมีครอบครัวที่น่ารัก ไม่มีใครอยากพบกับความสูญเสีย เพราะมันนำมาแต่ความเจ็บช้ำมาให้ถือเสียว่าเราทุกคนเป็นพี่น้องกัน ทำไมต้องมาทำร้ายกันด้วย’’
นี้คือหนึ่งความทรงจำอันน่าประทับใจจากเจ้าของบทเพลง’วอนพ่อขุน’ ‘ โอ้ เอ็ม.บี.’ ‘ดุซงญอรำลึก’ ที่มีพื้นเพเดิมอยู่ใต้สุดในชุมชนแห่งความรักและสามัคคีนาม’ดุซงญอ’ กระทั่งสามารถสื่อสารภาษามลายูท้องถิ่นได้อย่างคล่องแคล่ว และยังมีความทรงจำที่สุดแสนประทับใจกับถิ่นกำเนิดจนยากจะลืมเลือน
อ้างอิง : ชุมศักดิ์ นรารัตนวงค์ สารคดีสะท้อนชีวิตผู้คน ณ ชายแดนใต้ , นิตยสารสันติภาพแดนใต้ ฉบับเดือนมิถุนายน ๒๕๕๐ หน้า ๑๒๖,๑๓๐,๑๓๑
|