Home | แหล่งท่องเที่ยว | สำนักสงฆ์ดุซงญอ | ข้อมูลตำบล 3 | ชมรมจักายานอำเภอจะแนะ Dpcc Club | ชมรมจักรยานดซงญอไบด์ Dusongyo Bike | ผู้นำดุซงญอ | เบิกฟ้าชมวังพระยาระแงะ | Selamat Datang Dusongyo | ประวัติบ้านดุซงญอ | สภาพทั่วไปบ้านดุซงญอ | มัสยิดดุซงญอ(ร้อยเสา) | ตำนาน'กบฏดุซงญอ' | ตราพระยาระแงะ | ข้อมูลพื้นฐานชุมชน 1 | ข้อมูลพื้นฐานชุมชน 2 | ทำเนียบผู้บริหารและสมาชิก อบต.ดุซงญอ | ข้อมูลตำบล 5 | แผ่นที่ตั้งตำบลดุซงญอ | ข้อมูลตำบล 4 | แผ่นที่ตั้งชุมชนในตำบล | ชมรมออกกำลังกายเพื่อสุขภาพดุซงญอ | ข้อมูลตำบล 1 | ข้อมูลตำบล 2 | สมาคมและสุสานคนจีนดุซงญอ | ติดต่อเรา


Category
   ผู้นำของเรา บ้านดุซงญอ
   ผู้นำศาสนาตำบลดุซงญอ
   เยาวชนคนเก่ง'บ้านดุซงญอ'
   ชุมศักดิ์ นรารัตน์วงค์ นักเขียนชื่อดัง
   ชัย สานุวัฒน์ คนดุซงญอ
   ทำไม?เรียกกบฏ'ดุซงญอ'
   ดุซงญอเหรอ ''กบฏ''
   อนุสาวรีย์ 'กบฏดุซงญอ' ยังอยู่
   เหตุการณ์ ๕๑ บ้านดุซงญอ
   คนจีนรุ่นแรก'บ้านดุซงญอ'
   คนจีนรุ่นสุดท้าย'บ้านดุซงญอ'
   จากอีสานสู่ 'บ้านดุซงญอ'
   โรงเรียนสวนพระยา'ดุซงญอวิทยา'
   องค์การบริหารส่วนตำบลดุซงญอ
   หัวหน้าส่วนราชการ ท้องถิ่นดุซงญอ
   โรงเรียนบ้านดุซงญอ
   สถานีตำรวจ 'บ้านดุซงญอ'
   รพ.สต.ตำบลดุซงญอ
   ที่ทำการไปรษณีย์ 'ปณ ดุซงญอ'
   บ้านแมะแซ ม.2
   บ้านสุแฆ ม.3
   บ้านรือเปาะ ม.4
   บ้านกาแย ม.5
   บ้านกาเต๊าะ ม.6
   บ้านน้ำหอม ม.7
   บ้านสาเม๊าะ ม.8
   บ้านดุซงญอ ม.1
   ผู้ก่อตั้ง จัดทำ Web sibe
   โครงการฝายในพระดำริตำบลดุซงญอ
   บ้านแอเจะ,บือจะ,ริแงตำบลผดุงมาตร
   บ้านเมาะตาโก๊ะ,ไอร์ปีแซ,ลูโบ๊ะตำบลผดุงมาตร
   บ้านน้ำวน,กูมุง,ไอร์ซือเร๊ะตำบลช้างเผือก
   บ้านไอร์บือแต,ไอร์โซ,ไอร์บาลอ,ช้างเผือกตำบลช้างเผือก
    บ้านยะออ,จะแนะตำบลจะแนะ
   บ้านมะนังกาแยง,ปารีตำบลจะแนะ
   บ้านสะโก,ไอร์กรอสตำบลจะแนะ
   บ้านตือกอ,บือแตตำบลจะแนะ
   บ้านไอร์มือแซ,ยารอตำบลจะแนะ
   อนุสาวรีย์กบฏดุซงญอ ถูกทุบ
   ดุซงญอกบฎลุกขึ้นสู้
 
Webboard
  Site Board
 
New Update
Link

free counters
Sine,November 16,2011
 

Online: 001
Visitors : 2431

                   


กบฏเหรอ?

 

 

กบฏเหรอ? ดุซงญอ 

 

 

กบฏ? ดุซงญอ

ดุซงญอ เป็นชื่อตำบลหนึ่งซึ่งเคยอยู่ในอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส แต่ปัจจุบันกลายเป็นตำบลในอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาสเช่นเดียวกัน ชาวบ้านในตำบลนี้เป็นชาวมลายูมุสลิมร้อยละ ๙๙  ส่วนที่เหลือเป็นชาวไทยพุทธและชาวจีนพุทธอาศัยอยู่

ดุซงญอ ในภาษามลายู หมายถึง สวนของท่าน (เจ้าเมือง)’’ มีเรื่องเล่าว่าสมัยการปกครองแบบ ๗ หัวเมือง เมืองระแงะ เป็นเมืองหนึ่งในมณฑลปัตตานี เจ้าเมืองระแงะมีสวนอยู่ในตำบลนี้ ทุกปีเจ้าเมืองระแงะจะเดินทางไปดูแลสวนของท่าน ดังนั้นผู้คนจึงเรียกบริเวณนี้ว่า ‘’ดุซง ราญอลือแฆ๊ะห์’’ หรือ’’สวนของเจ้าเมืองระแงะ’’ หรือเรียกสั้นๆว่า ‘’ดุซงญอ’’

ในอดีตสถานที่สำคัญของอำเภอจะแนะได้แก่ถ้ำลือมูหรือกูวอลือมูว่ากันว่าเป็นสถานที่ที่ใช้อาบน้ำมันของสมาชิกเพื่อให้อยู่คงกระพันในเหตุการณ์วันที่ ๒๘ เมษายน ๒๔๙๑ เมื่อมีรายงานว่ามีคนผู้หนึ่งได้ตั้งตนเป็นหัวหน้า นำสมัครพรรคพวกเข้าปะทะต่อสู้กับฝ่ายตำรวจบ้านดุซงญอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส เนื่องจากเกิดความเข้าใจผิดต่อกันการปะทะได้เนินไปเป็นเวลานานถึง ๓๖ ชั่วโมงเหตุการณ์จึงได้สงบลง

หลังจากนั้นปรากฏข่าวจากทางการว่า ได้มีการจับกุมนายมาหะมะกำนันตำบลตันหยงมัส อำเภอระแงะ และนายมุสตอฟาในข้อหากบฏ ส่วนนายหะยีติงงาแมหรือนายมะติงา ซึ่งถูกตั้งข้อหาว่ามีส่วนร่วมด้วย หลบหนีไปได้ ต่อมาประมาณปี ๒๔๙๗ จึงทำการจับกุมตัวและถูกส่งไปคุมขังไว้ที่จังหวัดนราธิวาสได้ประมาณปีเศษก็หลบหนีจากที่คุมขังไป

เหตุการณ์ครั้งนั้นนับเป็นบาดแผลสำคัญของตำนานความไม่เข้าใจและต่อมาจารึกไว้ในฐานะเสี้ยวของประวัติศาสตร์ขบวนการแบ่งแยกดินแดนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการสูญเสียเลือดเนื้อและชีวิตรุนแรงครั้งหนึ่ง

เรียกขานกันในกาลต่อมาว่า สงครามดุซงญอ

หลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ราว พ.ศ.๒๔๘๘ สหพันธรัฐมลายาซึ่งอยู่ภายใต้รัฐอาณานิคมของอังกฤษมีการปราบปรามกลุ่มโจรจีนคอมมิวนิสต์มลายาอย่างเข้มข้น บรรดาโจรจีนคอมมิวนิสต์กลุ่มหนึ่งได้หลบหนีมาหลบซ่อนตามชายแดนไทย โดยเฉพาะบริเวณบ้านบือลมหรือบือโล่งที่รัฐเปรัฐ ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดชายแดนไทย และเป็นบริเวณที่มีการเคลื่อนไหวของโจรจีนคอมมิวนิสต์จำนวนมากที่สุด ตั้งค่ายเรียกว่า กรม ๑๐ นำโดย นายอับดุลเลาะห์ สีดี โจรจีนคอมมิวนิสต์บางกลุ่มจะออกหาเสบียงอาหารแลออกหาสมาชิกเพื่อให้การสนับสนุนภายในประเทศไทยด้วย

จนกระทั้งมีกลุ่มหนึ่ไม่ทราบจำนวนที่แน่ชัดเข้ามาแสวงหาเสบียงอาหารและสมาชิกในพื้นที่ตำบลดุซงญอ ชาวบ้านว่ากลุ่มโจรเหล่านี้เป็นโจรจีนมาจากบ้านบือลม จึงเรียกว่า ‘’จีนนอบือลม’’ เล่ากันว่าเป็นพวกที่ไม่นับถือศาสนาใดๆจึงทำให้ชาวบ้านดุซงญอไม่ให้ความร่วมมือช่วยเหลือสนับสนุนไม่ว่าด้านเสบียงอาหารและเข้าร่วมเป็นสมาชิกโจรจีนคอมมิวนิสต์ เป็นเหตุให้กลุ่มโจรจีนคอมมิวนิสต์ไม่พอใจชาวบ้านดุซงญอเป็นอย่างยิ่ง

เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๙  โจรจีนคอมมิวนิสต์กลุ่มดังกล่าวเข้าปล้นทรัพย์สินและเผาบ้านประชาชนใน หมู่บ้าน บือแนกาแย ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านดุซงญอไปทางทิศใต้ประมาณ ๑๐ กิโลเมตร

หลังจากนั้นหนึ่งปีหรือประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๐ โจรจีนคอมมิวนิสต์กลุ่มเดียวกันได้เข้าปล้นตลาดตำบลดุซงญออีกครั้งหนึ่ง มีการปิดล้อมและบุกปล้นบ้านเรือนราษฏร รวมทั้งบ้าน นายกาลี  เจ๊ะเต๊ะ กำนันตำบลดุซงญอ

นายหะยีอารง บาโด อดีตกำนันตำบลดุซงญอเล่าว่า ขณะนั้นตนมีอายุประมาณ ๙ ขวบ เมื่ออยู่ในทุ่งนาห่างจากบ้านประมาณ ๒  กิโลเมตร ได้ยินเสียงปืนจากทางบ้านกำนันหลายนัด เข้าใจว่าเป็นเสียงจุดประทัด แต่ปรากฏว่าโจรจีนคอมมิวนิสต์กำลังปิดล้อมบ้านกำนันและสั่งให้คนในบ้านเปิดประตู ขณะเดียวกันนายหะยี เจ๊ะแว ญาติใกล้ชิดกำนันจะเข้าไปช่วยเหลือก็ถูกโจรจีนคอมมิวนิสต์ยิงด้วยอาวุธปืนเสียชีวิต และสั่งให้คนในบ้านเปิดประตู เมื่อประตูเปิดออก โจรจีนคอมมิวนิสต์ก็เข้าไปในบ้าน จับตัว นายประพัฒน์ เจตาภิวัฒน์ บุตรชายกำนันซึ่งขณะนั้นเป็นครูประชาบาลไว้เป็นตัวประกัน และให้บอกที่ซ่อนอาวุธปืน โจรจีนคอมมิวนิสต์ปล้นเอาทรัพย์สินภายในบ้านกำนันไปหลายอย่าง

ต่อจากนั้นโจรจีนคอมมิวนิสต์ปล้นทรัพย์สินของชาวบ้านรวมไว้แล้วสั่งให้ชาวบ้านจำนวนหนึ่งที่ถูกจับตัวเป็นประกัน รวมทั้งนายประพัฒน์  บุตรชายกำนันแบกหามทรัพย์สินต่างๆที่ปล้นได้ พาเดินไปทาง หมู่บ้านบือนากาแย เมื่อโจรจีนคอมมิวนิสต์และชาวบ้านที่ถูกคุมตัวไว้เป็นเชลยเหล่านั้นเดินทางไปถึงบ้านน้ำวน ชาวบ้านก็พากันทั้งสิ่งของหลบหนีโจรกลับบ้านไป

หลังเกิดเหตุการณ์ กำนันได้แจ้งกับทางอำเภอ แต่ไม่มีการตอบสนอบใดๆ จากทางการ ทำให้ชาวบ้านอยู่กันอย่างหวาดกลัว ดังนั้นชาวบ้านจึงประชุมหารือกันว่าจะป้องกันตนเองจากโจรจีนคอมมิวนิสต์อย่างไร

ขณะนั้นมีโต๊ะครูสอนศาสนาอิสลามท่านหนึ่งเป็นผู้ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือชื่อ หะยีอิดรุส หรืออิดริส หรือที่ชาวบ้านโดยทั่วไปเรียกว่า ‘’โต๊ะแปเราะ’’ เนื่องจากเป็นชาวมลายูมาจากเมืองเประ หรือเปรัฐ ซึ่งเป็นทางตอนเหนือของประเทศมาเลเซียติดชายแดนไทย มาเปิดปอเนาะสอนศาสนาอยู่ในตำบลดุซงญอ ปัจจุบันสถานที่ดังกล่าวเป็นที่ตั้งโรงเรียนบ้านดุซงญอ  ซึ่งอยู่ทางด้านหลังสถานตำรวจดุซงญอ นอกจากนั้นยังมี นายอาซัน หรือชาวบ้านเรียกว่า ‘’โต๊ะปาเกอาแซ’’เป็นชาวเคดะห์ มีภรรยาอยู่ที่บ้านตือกอ และมาเรียนศาสนาที่ ปอเนาะโต๊ะแปเราะ พร้อมกับชาวเคดะห์และชาวกลันตันจำนวนหนึ่งปรึกษาหารือวางแผนที่จะต่อต้านโจรจีนคอมมิวนิสต์

ขณะนั้นมลายาอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษและมีกลุ่มการเมืองเยาวชนต่อต้านอังกฤษเรียกว่า ‘’อังกะตัน ปือมูดา อิสลาม’’ หรือ Angkatan Pemuda Islam (API) จาการปรึกษาหารือได้ตกลงกันที่จะมีการตั้งกลุ่มต่อต้านโจรจีนคอมมิวนิสต์โดยการรับสมัครสมาชิก มีการอบรมทำกิจกรรมทางศาสนาร่วมกัน ฝึกสมาธิ เรียนวิชาอยู่ยงคงกระพัน ผู้เข้ามาเป็นสมาชิกจะต้องเสียค่าเรียน ๑๐๐ บาท โต๊ะปาเกอาแซ หรือ หะยีมะแซ ชาวบ้านบือแตที่เป็นสมาชิกกลุ่มนี้ ได้ศึกษาวิธีการต่อสู้และทบสวดต่างๆกลับมาบอกเล่าให้ชาวดุซงญอร่วมกันต่อสู้ด้วย

การเตรียมการคือ มีการฝึกสมาธิที่บ้านปือยารอแล้วก็มาอาบน้ำมันที่ปอเนาะโต๊ะแปรัฐ กลางคืนก็จะมีการท่องทบสวดร่วมกันบนภูเขากูวาลือมู มี นายหะยีมะกาแร เป็นผู้แนะนำการฝึก

การท่องบทสวดร่วมกันของคนจำนวนมากจนมีเสียงดังกระหึ่มไปทั่ว ทำให้สมาชิกเกิดความรู้สึกฮึกเหิมไม่เกรงกลัวภัยใดๆ สมาชิกบางคนจะร้องตะโกนท้าทายเรียกโจรจีนคอมมิวนิสต์มาต่อสู้ตลอดเวลา จนกระทั่งเกิดความรู้สึกเกลียดชังแม้กระทั่งคนจีน คนไทย และคนทั่วไป

วันหนึ่งมีคนลองทำร้าย นายบุ้นกี่ หรือที่ชาวบ้านเรียกชื่อว่า เจ๊ะมะ พ่อค้าจีนจากตลาดตันหยงมัสที่นำของมาขายที่ตลาดดุซงญอถูกมีดฟันได้รับบาดเจ็บ ซึ่งบางคนก็ว่าเสียชีวิต

 (วรมัย กบิลสิงห์) เขียนใน ‘’ ดุซงญอ ๒๔๙๑ ถึงตากใบวิปโยค’’  ว่า’’ จนมาวันหนึ่งนายบูซา ผู้ใหญ่บ้านมาบอกผม ( กำนันว่า หะยีสะแปอิงฟันนายบุ้นกี่ (หรือนายเจ๊ะมะมิง) จีนเข้าแขกอิสลามถูกที่คอ มีอาการสาหัส..ฯ)

จากกรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ ๒๔ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๑ ทางอำเภอได้ส่งปลัดอำเภอพร้อมด้วยตำรวจ ๑ นาย เสมียนมหาดไทย ๑ นาย ไปสืบสวนเรื่องนี้ วันที่ ๒๕ เมษายน ขณะออกสืบสวนได้พบชาวบ้านมุสลิมกำลังทำพิธีสมาธิและท่องบทสวด ชาวบ้านที่ทำหน้าที่ยามเห็นตำรวจจึงขับไล่ไม่ให้เข้าไปในพิธี เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสองนายพร้อมด้วยฝ่ายอำเภอต่างก็หลบหนีออกจากหมู่บ้านไปแจ้งนายอำเภอและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

นายหะยีอาซิส บุตรชายโต๊ะแปเราะ เล่าว่า ขณะนั้นตนอายุราว ๑๗ ปี ทราบว่าตำรวจได้แอบดูและยิงปืนขู่ จนชาวบ้านที่กำลังทำพิธีอยู่แตกตื่นและวิ่งออกมาจากพิธีไล่เจ้าหน้าที่จนไปถึงตลาดดุซงญอ เมื่อเจ้าหน้าที่หนีพ้นไปแล้วชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวก็ไปพักอาศัยในปอเนาะของโต๊ะแปเราะ

วันรุ่งขึ้นคือวันที่ ๒๖ เมษายน ตำรวจจึงเข้าปราบปรามชาวบ้านที่ก่อเหตุเหล่านั้น โดยมี ร.ต.ท.บุญเลิศ เลิศปรีชา ร.ต.ต.พิงพันธ์ เนตรรังสี และร.ต.ต.กรี ไม่ทราบนามสกุล เป็นนายตำรวจหัวหน้าชุดและรองหัวหน้าชุดตามลำดับ ตำรวจได้จัดกำลังสองชุดซุ่มจับบริเวณข้างถนนสายดูซงญอ-บ้านกลีซา แล้วจัดตำรวจชั้นประทวนเป็นชุดล่อสี่นาย นำโดย สิบตำรวจตรีส่ง รุ่งเรือง ปรากฏว่าเมื่อชาวบ้านทำพิธีพบเห็นตำรวจจึงเข้าทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตทั้ง ๔ นายและถูกชุดซุ่มจับยิงชาวบ้านเสียชีวิตประมาณ ๗-๘ คน ฝ่ายตำรวจถอยหนีไปยังตลาดตันหยงมัส ในตอนนี้นายหะยีอาซิสเล่าว่า ขณะที่ชาวบ้านพักอยู่ในบริเวณปอเนาะโต๊ะแปเราะ บิดาของตนนั้น มีตำรวจ( ซึ่งเป็นชุดลอกล่อ) ได้มายิงปืนหน้าปอเนาะเพื่อให้ชาวบ้านออกมา จากนั้นชาวบ้านจึงออกมาขับไล่เจ้าหน้าที่อีกครั้ง จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์ปะทะต่อสู้กันจนตำรวจชุดลอกล่อเสียชีวิตลและชาวบ้านก็เสียชีวิตไม่ทราบจำนวนด้วย (วรมัย กบิลสิงห์ บันทึกว่า’’เหตุการณ์ปะทะระหว่างตำรวจไทยกับมลายูในวันที่ ๒๖ นี้ ตำรวจไทยเสียชีวิต               ๔ นายมลายูประมาณ ๑๐ คน ไม่แน่นอนเพราะเราเป็นฝ่ายถอย’’)

‘‘เล่ากันว่าชาวบ้านที่เสียชีวิต เพราะละเลยต่อข้อปฏิบัติที่ได้รับการสั่งสอนมา บางคนที่ถูกยิงเพราะขาดน้ำละหมาดหรือละเลยในสิ่งที่ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และมีเรื่องเล่าจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ในระหว่างมีการปะทะกัน ชาวบ้านจะอ่านบทเนื้อหาของคัมภีร์อัล-กุรอาน ที่ว่า ยา ซัล ญาลา ลิวัล อิกรอม อันมีความหมายว่า อัลลอฮผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงอานุภาพยิ่ง ทำให้เจ้าที่ตำรวจเข้าใจว่าเป็นการกล่าวชื่อ ตนกู ยาลาลหรือนายอดุลย์ ณ สายบุรี ทำให้ตกเป็นผู้ต้องหาสงสัยว่าอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น’’

นายอารง บาโด เล่าว่า ‘’ในวันแรกมีการปะทะกันระหว่างชาวบ้านกับตำรวจที่สะพานไม้ข้ามน้ำใกล้ตลาดดุซงญอ มีชาวบ้านเสียชีวิต ๒ คน คือนายมะยาเบ กับนายโต๊ะวอ ลีมะ’’

วันที่ ๒๗ เมษายน ต่างฝ่ายต่างเตรียมพร้อม ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง

วันที่ ๒๘ เมษายน เป็นวันที่สามของการต่อสู้ กำลังตำรวจสนับสนุนเพิ่มติมมาจากสงขลาเดินทางไปยังดุซงญอ ขณะเดินผ่านป่าแห่งหนึงก็เกิดมีการปะทะต่อสู้กับชาวบ้านดุซงญอ ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตอีก ๑ นาย คือ พลสมัครวิน ไกรเลิศ

                การปะทะต่อสู้กันระหว่างชาวบ้านดุซงญอกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเหตุการณ์ครั้งนี้ วรมัย กบิลสิงห์ เขียนว่า ‘’เจ้าหน้าที่ตรวจพบกระสุนปืนคาไบร์และปลอกกระสุนปืนจำนวนมากในป่า ตำรวจไทยเสียชีวิต ๕ นาย บาดเจ๊บ ๑ นาย มลายูตายประมาณ ๓๐ คน บาดเจ็บไม่ทราบจำนวน’’

                สำหรับชื่อของนายมะติงา ซึ่งมีบางตำรากล่าวถึงว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับสงครามดุซงญอ ได้รับการปฏิเสธจากคนในพื้นที่ว่า มะติงาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์สงครามดุซงญอแต่อย่างใด แท้จริงแล้ว นายมะติงา อาศัยอยู่ในหมู่บ้านอื่นห่างจากดุซงญอไปในป่าอีกประมาณ ๑๓ กิโลเมตร เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านจอมขมังเวท มีวิชายิงไม่เข้า มีพละกำลังมาก เล่ากันว่าเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับเขาห้องขัง แต่สามารถง้างลูกกรงเหล็กพาผู้ต้องขังคนอื่นๆ หนีออกได้ สุดท้ายเสียชีวิติในบ้านป่าของตนเองมาหลายปีแล้ว

                นายอารง บาโด เล่าว่า การปะทะกันครั้งที่สองนี้เกิดขึ้นบนถนนสายดุซงญอ-ตันหยงมัส ชาวบ้านขับไล่เจ้าหนาที่ตำรวจจาก บ้านบูเกะยามู จนไปถึงบูเกะสือดาดู มีข่าวลือว่าตำรวจเสียชีวิตถึง ๑๗ คน ซึ่งความจริงไม่ถึงจำนวนดังกล่าว

                และในวันที่สี่ของเหตุการณ์ตรงกับวันที่ ๒๘ เมษายน นายอารง บาโด เล่าว่า มีเครื่องบินจำนวนมากบินวนเวียนเหนือฟ้าตลาดดุซงญอ ชาวบ้านเกรงกลัวต่างหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปหลบซ่อนในป่า ชาวบ้านบางคนถูกตำรวจดักซุ่มยิงระหว่างหลบหนี เสียชีวิตและบาดเจ็บไม่ทราบจำนวน

                นายหะยีอิสมาแอ เล่าว่า ‘’เหตุการณ์ครั้งนี้มีผู้ร่วมก่อการจริงๆเพียง ๒๐๐ คน และชาวบ้านเสียชีวิตประมาณ ๗-๘ คน’’

จากเหตุการณ์ปะทะต่อสู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับชาวบ้านดุซงญอครั้งนี้ ทำให้ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งที่ร่วมและไม่ได้ร่วมต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ต่างกลัวจะถูกจับกุมดำเนินคดี  และกลัวภัยจากเจ้าหน้าที่ที่จะแก้แค้นให้ตำรวจที่เสียชีวิต จึงแยกย้ายออกจากหมู่บ้านหลบหนีไปยังรัฐกลันตัน ตรังกานู เคดะห์ เประ ของสหพันธรัฐมลายา และบางคนหนีเข้าไปอยู่ในป่า จนบ้านดูซงญอกลายเป็นบ้านเมืองร้าง

                ต่อมาทางราชการให้กำนันตำบลดุซงญอออกติดตามให้ชาวบ้านกลับมาและมอบตัวต่อทางการ โดยรับรองความปลอดภัยอย่างแข็งขัน ชาวบ้านที่หลบซ่อนตัวอยู่ตามป่าเขาก็เข้ามามอบตัว กลับมาอยู่บ้านตามปกติ แต่มีชาวบ้านบางคนที่หลบหนีปไปยังเมืองต่างๆของมลายาไม่ได้กลับมา แล้วเปลี่ยนสัญชาติก็มีจำนวนมาก 

                สรุปได้ว่า สาเหตุของความขัดแย้งระหว่างเจ้าหนาที่รัฐกับประชาชนตำบลดุซงญอที่ทางราชการเรียกเหตุการณ์นี้ว่า ‘’กบฏดุซงญอ ‘’ นั้น เกิดจากการคุมคามของโจรจีนคอมมิวนิสคต์มลายา

                เมื่อประชาชนลุกขึ้นมาต่อสู้และเจ้าหน้าที่เข้าไปพบเห็น ชาวบ้านจึงเข้าใจว่า เจ้าหน้าที่จะขัดขวางและทำลายพิธีกรรมดังกล่าว จึงขับไล่เจ้าหน้าที่ออกไปจากตำบลดุซงญอ เหตุการณ์บานปลายจนเกิดการปะทะต่อสู้กันระหว่างเจ้าหน้าที่ของรัฐกับประชาชน ทำให้ทั้งสองฝ่ายเสียชีวิตหลายคน และมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนหนึ่ง ประชาชนเกิดความหวาดระแวงต่อทางราชการจึงได้หลบหนีไปอยู่ที่อื่นจำนวนมาก มีเพียงชาวบ้านจำนวนหนึ่งอพยพกลับมาอยู่ที่บ้านตามปกติ หลังจากทางราชการให้การรับรองความปลอดภัย

                รัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีนี้ มีผลสรุปของคณะกรรมการว่า ‘’โศกนาฏกรรมดุซงญอนั้นเกิดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจแทรกแซงกิจการศาสนาอิสลาม ‘’ กล่าวว่าคือ’’ การจลาจลเกิดขึ้นเพราะความเข้าใจผิด เนื่องจากมีการปะทะของชาวมลายูมุสลิมเป็นจำนวนมากเกี่ยวกับไสยศาสตร์ คือพิธีอาบน้ำมนต์ที่เชื่อว่าทำให้อยู่คงกระพัน ฟันแทงไม่เข้า เหตุการณ์นี้เป็นที่ผิดสังเกตของตำรวจ จึงขอเข้าระงับ แต่ชาวบ้านไม่ยอมจึงเกิดปะทะกัน ลุกลามใหญ่โตขึ้น’’ (อิมรอน มะลุลีม,  ‘’ วิเคราะห์ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับมุสลิมมลายูภายในประเทศ’’, ๒๕๓๘.)

                อย่างไรก็ตามยังมีชาวบ้านที่ไปอยู่ในรัฐต่างๆของสหพันธรัฐมลายาอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่ได้กลับภูมิลำเนาของตนหลายพันคน จนกลายเป็นพลเมืองของสหพันธรัฐมลายา ซึ่งก็คือประเทศมาเลเซียในเวลาต่อมา

       ที่มา : ‘’เล่าขานตำนานใต้’’ นายอุดม ปัตนวงค์, ศรีศักร วัลลิโภดม,อับดุลเลาะห์ ลออแมน ,จำรูณ เด่นอุดม และคณะ (พ.ศ.๒๕๕๐ ), ‘ จีนกับโลกมลายู (พ.ศ.๒๕๕๑ )และบทความเชิงประวัติศาสตร์โบราณคดีในท้องถิ่นสามจังหวัดภาคใต้ หน้า ๕๔ – ๖๒

อ้างอิง : นายอารง บาโด อดีตกำนัน ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อ ปี ๒๕๔๙  ที่ ตลาดดุซงญอ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ นราธิวาส

อ้างอิง : นายหะยีอิสมาแอ ราษฏรอาวุโส  ต.ดุซงญอ  อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อ ปี ๒๕๔๙  ที่ ตลาดดุซงญอ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ นราธิวาส

อ้างอิง : นายเซ็ง เจ๊ะแต ราษฏรอาวุโส  ต.ดุซงญอ  อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เมื่อ ปี ๒๕๔๙  ที่ ตลาดดุซงญอ ต.ดุซงญอ อ.จะแนะ นราธิวาส 

 

 

 



Page 1/1
1
Copyright © 2005 หมู่บ้านดุซงญอ Allrights Reserved.
Powered By www.Freethailand.com