|
1.ประวัติความเป็นมา |
ภูมิหลังอำเภอจะแนะ จังหวัดนราธิวาส
โดยหะยีมะเซ็ง กอและ
พัฒนาการอำเภอจะแนะ
รวบรวมและเรียบเรียง
พื้นที่อำเภอจะแนะ เมื่อครั้งอดีตนั้นเป็นส่วนหนึ่งของอำเภอระแงะ แต่ชาวบ้านเรียกว่า Lanngah หรือ ลังแฆะห์ แต่ผู้ปกครองบ้านเมืองในขณะนั้นไม่ชินในเรื่องภาษาท้องถิ่น จากคำว่า “ลังแฆะห์” จึงกลายเป็น “ระแงะ” เจ้าเมืองลังแฆะห์ (ระแงะ) ในสมัยนั้นมีเชื้อสายมาจากเจ้าเมืองปัตตานี คือเชื้อสายสุลต่านมันโซร์ซะห์อัลฟาตอนี ดารุสสลาม เมืองลังแฆะห์นั้นเป็นเมืองที่มีความอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่อย่างหลากหลายทั้งสัตว์ป่าและสัตว์น้ำ ในแม่น้ำลำคลองมีปลาชุกชุมอยู่มากมายเพราะมีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน ปลาที่มีชื่อเสียงในสายน้ำแห่งนี้คือ ปลากือเลาะห์ ชาวบ้านเรียกว่า “รายออีแก” ซึ่งมีความหมายว่าราชาแห่งปลา ปลาชนิดนี้มีเนื้อที่มีความหวานมัน และรับประทานได้ทั้งเกล็ด ที่สำคัญคือปลากือเลาะห์นั้นเป็นปลาที่เจ้าเมืองลังแฆะห์ (ระแงะ) ทรงโปรดปรานมาก พระองค์จึงได้ชักชวนข้าราชบริพารลงคลองเพื่อท่องลำน้ำอยู่บ่อยครั้ง การล่องเรือในบางครั้งก็ต้องใช้เวลาหลายวัน ซึ่งครั้งหนึ่งนั้นพระองค์ก็ได้ล่องเรือและก็ได้พบกับธรรมชาติที่สวยงามพื้นที่ราบเต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูกเป็นอย่างยิ่งจึงได้แวะพัก จึงสั่งให้ข้าราชบริพารแผ้วถางป่าให้เหลือเฉพาะไม้ผลเท่านั้น ซึ่งมีไม้ผลตามธรรมชาติ เช่น เงาะป่า ลูกพรวน ดูกู ลำไย ฆูโป มะพร้าว ลองกอง ลังแข และสละขนุน เป็นต้น สำหรับดุซงญอมาจากคำแปลว่า สวนพระยา
ณ บ้านดุซงญอนี้เองเจ้าเมืองให้ปลูกไม้ผลเพิ่มเติมอีกและได้ให้ปลูกมะพร้าวและดูแลเป็นพิเศษ โดยเฉพาะน้ำมะพร้าวอ่อนเป็นของโปรดของเจ้าเมืองระแงะมาก เพราะเชื่อว่าสามารถเพิ่มพลังทางเพศได้ ยังผลให้สวนของเจ้าเมืองมีไม้ผลหลากหลายชนิด ปัจจุบันคือตำบลดุซงญอ (แปลว่าสวนมะพร้าว) หรือ สวนของท่าน ''เจ้าพระยา''
ในระหว่างที่พักผ่อน ณ บ้านดุซงญอ คณะของเจ้าเมืองก็ได้พบกับเงาะป่าซาไกที่ชาวบ้านเรียกว่า “ออแรฮูแต” หรือคนป่า จึงได้สอบถามเงาะป่าว่าสายน้ำสายใดที่มีปลากือเลาะห์ชุกชุม แต่คนป่าบอกว่าที่มีปลาชุกชุมจะต้องล่องเรือขึ้นไปอีก แต่ไม่ควรไปเพราะมีโขลงช้างป่าอาศัยอยู่ด้วยมันอันตรายเงาะป่าได้เล่าอีกว่าโขลงช้างป่านั้นมีช้างเชือกหนึ่งมีลักษณะเป็นสีขาวรวมอยู่ด้วยแล้วดุด้วย จึงทำให้เจ้าเมืองอยากเห็นโขลงช้างป่าเหล่านั้น คณะของพระองค์จึงล่องเรือไปเรื่อยๆ และพบสายน้ำสายหนึ่งปัจจุบันเรียกว่าคลองไอบือแต มีแก่งหินและปลาชุกชุม จึงได้แวะพักเพื่อดักจับปลา คณะจึงเดินตามแก่งหินไปหาร่องน้ำลึกเพื่อจะได้จับปลากือเลาะห์ แต่กลับพบฝูงปลาชนิดหนึ่งเรียกว่า “ปลาตืองะห์” หรือเรียกว่า “ซารงฆอเลาะ” ปลาชนิดนี้เนื้ออร่อยเหมือนปลากือเลาะห์เช่นกัน จึงได้จับปลาตืองะห์มารับประทาน ที่จุดนี้เป็นจุดที่โขลงช้างป่าเดินผ่านและระหว่างที่คณะกำลังดักจับปลาอยู่นี้เองก็ได้เห็นโขลงช้างป่า เดินข้ามผ่านคลองมาพอดี คณะของเจ้าเมืองจึงได้เห็นช้างเชือกหนึ่งมีลักษณะคล้ายๆสีขาวตกใจวิ่งหนีเข้าป่าสำหนับหมอช้างหรือชาวบ้านเรียกว่า
“โต๊ะปราซัม” ได้กระทำพิธีสวดเรียกช้างป่าให้ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง พอถึงพลบค่ำช้างป่าได้ปรากฏให้เห็นอีกครั้ง สามารถมองเห็นช้างเชือกหนึ่งในโขลงมีลักษณะคล้ายช้างขาวจริง จึงเรียกว่า “ฆาเยาะห์ปูเตะห์” หรือช้างเผือก เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2519 ชาวบ้านในหมู่บ้านไอร์บือแตร์ได้เข้าไปทำไร่พบกับโขลงช้างป่าและตกใจจึงวิ่งหนีเข้าไปป่า ทำให้ลูกช้างหลงทางจึงช่วยกันจับมาแล้วแจ้งสำนักพระราชวังทราบ มีเจ้าหน้าที่มาตรวจคุณลักษณะเป็นลูกช้างมงคลหรือเรียกว่าช้างเผือก “อาเนาะฆาเยาะปูเตะ” ต่อมาได้แยกตำบลตั้งชื่อเป็นตำบลช้างเผือกขึ้นในเวลาต่อมา หลังจากคณะเจ้าเมืองลังแฆะห์ (ระแงะ) เดินทางจากบ้านไอร์บือแตร์กลับมาทางด้านทิศตะวันออกได้เห็น สายน้ำตกจากที่สูงสวยงามมาก มีแอ่งน้ำขนาดกว้างใหญ่ไหลลงสู่แม่น้ำสายบุรี ชาวบ้านเรียกว่าน้ำตกไอร์โซ ตั้งอยู่ที่บ้านนาแบง หมู่ที่ 5 ตำบลช้างเผือก ต่อมาคณะของเจ้าเมืองเดินทางกลับจวบจนกระทั่งพลบค่ำเห็นนกกรงหัวจุก ชาวบ้านเรียกว่าบุรงจาเนะ ลงมากินลูกต้นบอนจาแนะ ต้นบอนแก้วหน้าม้า ภาษาชาวบ้านเรียกว่า กะลาดีจาแนะ จึงได้เรียกชื่อพื้นที่ตรงนี้ว่า บ้านจะแนะ เพี้ยนมาจากคำว่าจาแนะ ซึ่งเป็นชื่อของอำเภอจะแนะ เพราะเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด ซึ่งคณะก็ได้พักค้างคืนที่บ้านจะแนะนี้ด้วย
ในระหว่างที่พักค้างคืนที่บ้านจะแนะ โต๊ะปราซัม (หมอช้าง) ได้เห็นแสงส่วงบนยอดเขาบ้านลิแง บางคนพูดคุยว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ (กรามะ) หรือสิ่งมหัศจรรย์บ้าง พอถึงเวลารุ่งเช้าคณะของเจ้าเมืองอยากจะรู้จึงเดินทางไปยังภูเขาบ้านลิแง เมื่อไปถึงจึงได้พบกับไม้เท้า และรอยเท้ามนุษย์ขนาดใหญ่อยู่บนแท่งหิน มีความยาวประมาณเก้านิ้ว กว้างหกนิ้ว ลึกประมาณครึ่งนิ้ว มองเห็นได้อย่างชัดเจน จึงสร้างความประหลาดใจอีกครั้ง จากการสอบถามชาวบ้านและผู้รู้ได้เล่าว่า ภูเขาบ้านลิแง เคยมีนักบวชศาสนาพราหมณ์ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ศาสนาบัรฮามา และพระสงฆ์ของศาสนาพุทธเคยธุดงค์ปักกลด พระรูปนี้มีชื่อว่าหลวงพ่อเพชร หรือหลวงปู่เพชร และมีผู้ที่ศรัทธาหลวงพ่อเพชร เชื่อว่าเป็นรอยเท้าของหลาวงพ่อเพชรขณะนั่งสมาธิอยู่บนแท่นหิน
ส่วนในท้องที่ตำบลผดุงมาตร เดิมชาวบ้านเรียกว่าบ้านเมาะตาโกะ และชาวบ้านในปัจจุบันก็ยังเรียกว่าบ้านเมาะตาโกะอยู่ ในพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่ทุรกันดารและห่างไกลความเจริญ ลูกหลานชาวบ้านมักไม่มีโอกาสเรียนหนังสือ มีพ่อเฒ่าคนหนึ่งชื่อว่า “หามะ” ชาวบ้านเรียกว่า “ ปะดอมะ”
ได้เสียสละที่ดินเพื่อสร้างโรงเรียนให้ลูกหลานมีโอกาสเรียนหนังสือ เดิมตั้งอยู่ที่บ้านลูโบะลาเซาะท้องที่อำเภอสุคิริน ตั้งชื่อโรงเรียนซึ่งแปลงจากคำว่าปะดอมะเป็นผดุงมาตร ต่อมาจึงได้จัดตั้งเป็นตำบลผดุงมาตร
สำหรับอำเภอจะแนะแห่งนี้นับว่ามีประวัติความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ โบราณสถาน แหล่งทรัพยากรธรรมชาติ ที่น่าศึกษาอย่างยิ่ง คือโดยเฉพาะสวนพระยา (ดุซงญอ) ช้างเผือก (ฆาเยาะห์ปูเต๊ะ) รอยเท้าหลวงพ่อเพชร (หลวงปู่เพชร) แหล่งปลากือเลาะห์ น้ำตกไอร์โซ ซึ่งล้วนมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์และควรอนุรักษ์ให้เป็นมรดกตกทอดไปยังลูกหลานได้ศึกษาเรียนรู้ด้วย
|
2.เนื้อที่/พื้นที่ |
550 ตร.กม. |
3.สภาพภูมิอากาศโดยทั่วไป |
มีอากาศชื้นและฝนตกตลอดปี มี 2 ฤดู คือ ฤดูร้อน และ ฤดูฝน |
|
ข้อมูลการปกครอง |
|
1.ตำบล.......4.... แห่ง |
3.เทศบาล..-.....แห่ง |
2.หมู่บ้าน....31.... แห่ง |
4.อบต........4 ... แห่ง |
|
ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ |
|
1.อาชีพหลัก ได้แก่ |
เกษตรกรรม |
2.อาชีพเสริม ได้แก่ |
รับจ้างทั่วไป |
3.จำนวนธนาคาร
|
มี - แห่ง ได้แก่
- |
4.จำนวนห้างสรรพสินค้า |
มี - แห่ง |
|
ด้านสังคม |
|
1.โรงเรียนมัธยม ได้แก่ |
โรงเรียนสวนพระยาวิทยา โทร.0-7358-9009
โรงเรียนพิทักษ์วิทยากูมุง
โรงเรียนบ้านจะแนะ
โรงเรียนบ้านกาแย
|
2.มหาวิทยาลัย ได้แก่ |
- |
|
ด้านทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของอำเภอ |
|
ป่าสงวนแห่งชาติ
ป่าจะแนะ
เขตอนุรักษ์สัตว์ป่าฮาลาบาลา
นิคมสร้างตนเองสุคิริน |
|
ด้านประชากร |
|
1.จำนวนประชากรทั้งสิ้น |
รวม 33,831 คน |
2.จำนวนประชากรชาย |
รวม 17,215 คน |
3.จำนวนประชากรหญิง |
รวม 16,616 คน |
4.ความหนาแน่นของประชากร |
65.8 คน/ตร.กม. |
|
ด้านการคมนาคม |
|
1.ทางบก |
- รถยนต์ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4055
- สถานีขนส่ง หมายเลขโทรศัพท์ -
- สถานีรถไฟ หมายเลขโทรศัพท์ - |
2.ทางน้ำ |
- ท่าเรือขนส่งโดยสาร หมายเลขโทรศัพท์ -
- ท่าแพขนานยนต์ หมายเลขโทรศัพท์ - |
3.ทางอากาศ |
- ท่าอากาศยาน หมายเลขโทรศัพท์ - |
|
ด้านการเกษตร และอุตสาหกรรม |
|
1.ผลผลิตทางการเกษตรที่สำคัญ ได้แก่ |
ยางพารา ลองกอง ทุเรียน |
2.ชื่อแหล่งน้ำที่สำคัญได้แก่
(แม่น้ำ/บึง/คลอง) |
แม่น้ำสายบุรี คลองบองอ คลองมะนังกาแยง คลองแกแร คลองไอร์กูมุง
คลองไอร์กาเวาะ คลองไอร์กือซา คลองนาแบง คลองไอร์บือแต |
3.โรงงานอุตสาหกรรมที่สำคัญ ได้แก่ |
โรงงานแปรรูปไม้ยางพารา ม.1 ต.ผดุงมาตร |
|