|
สรรพากรเอกซเรย์ทั่วประเทศ ผงะใบกำกับภาษีปลอม500ล. จากประชาชาติธุรกิจ วันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 3878 (3078)
สรรพากรเอาจริงจัดทำแผนที่ภาษีเอกซเรย์ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ บี้เจ้าหน้าที่ทำงานเต็มกำลัง กัดไม่ปล่อยทั้งธุรกิจ-บุคคลธรรมดา เผยทุกวันที่ 8 ของเดือนเจอกันทางวิดีโอคอนเฟอเรนซ์พร้อมกันทุกจังหวัด ผงะใบกำกับภาษีปลอมรายเดียว 500 ล้านบาท เผยข้อมูลผู้ส่งออกข้าว-ยาง-ธุรกิจใน กทม.-ท่าอากาศยานอยู่ในมือ
นายศานิต ร่างน้อย อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยถึงแผนการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่กำลังชะลอตัวได้กระทบการจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรหลายตัวต่ำกว่าประมาณการที่ตั้งไว้ อาทิ ภาษีมูลค่าเพิ่ม, ภาษีเงินได้นิติบุคคล, ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์ เป็นต้น
ทำให้กรมสรรพากรมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงวิธีการจัดเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพ อุดรูรั่วไหลทุกช่องทางโดยจะใช้ฐานข้อมูลภาษีที่มีอยู่มาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับฐานข้อมูลของหน่วยงานภายนอก ซึ่งกรมสรรพากรได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) เพื่อแลกเปลี่ยนฐานข้อมูลภาษีทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นภาษีโรงเรือนและที่ดิน, ภาษีบำรุงท้องที่และภาษีป้ายโฆษณาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ขณะนี้กรมสรรพากรได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปวิเคราะห์แล้ว พบว่ามีผู้ประกอบการจำนวนมากน่าจะเสียภาษีไม่ถูกต้อง ซึ่งขั้นตอนต่อไปคงจะต้องเรียกให้เข้ามาเสียภาษีให้ถูกต้อง ส่วนผู้ประกอบการที่เข้าไปรับสัมปทานหรือทำธุรกิจต่างๆ ภายในอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ ขณะนี้บริษัท ท่า อากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้จัดส่งข้อมูลมาให้แล้ว และอีกส่วนหนึ่งได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกไปเดินสำรวจสถานประกอบการต่างๆ ภายในอาคาร จากนั้นนำมาจัดทำเป็นแผนที่ภาษี (tax map) เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการตรวจสอบการเสียภาษีต่อไป
นอกจากนี้ เมื่อในวันที่ 8 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ประชุมผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพากร และได้มอบนโยบายในการจัดเก็บภาษีให้กับสรรพากรจังหวัดทั่วประเทศ โดยถ่ายทอดผ่านดาวเทียมในระบบ VDO conference ต่อจากนี้ไปก็จะมีการประชุมในแบบนี้ทุกวันที่ 8 ของทุกเดือน เพื่อติดตามงานที่มอบหมาย และปัญหาอุปสรรคในการจัดเก็บภาษีทุกพื้นที่
เชื่อมต่อข้อมูลภาษีคลุมทุกธุรกิจ
ด้านนายสาธิต รังคสิริ รองอธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในสภาวการณ์แบบนี้เจ้าหน้าที่สรรพากรจะต้องออกแรงมากพอสมควร วิธีการคือต้องสำรวจหรือลงไปเอกซเรย์ทุกพื้นที่ดูว่าในสภาพธุรกิจแบบนี้จะมีธุรกิจอะไรบ้างที่ยังดีอยู่ให้เน้นไปที่ธุรกิจประเภทนี้ ธุรกิจที่มีปัญหาอยู่แล้วต้องไม่ทำให้เขาเดือดร้อน ส่วนเรื่องการเชื่อมโยงข้อมูลกับหน่วยงานภายนอกเพื่อดูกันตั้งแต่ธุรกิจต้นน้ำไปจนถึงธุรกิจปลายน้ำ อย่างเช่น ผู้ประกอบการที่ไปรับสัมปทานพื้นที่มาจากบริษัทการท่าอากาศยานไทยมีกี่ราย บริษัทอะไรบ้าง และมีการนำพื้นที่ไปแบ่งให้เช่าช่วงต่อกี่ราย มีรายได้จากค่าเช่าเท่าไร แล้วมาแจ้งเสียภาษีถูกต้องหรือไม่ กลไกเหล่านี้ได้ถูกวางเอาไว้ครอบคลุมทุกธุรกิจไม่ใช่เฉพาะธุรกิจให้เช่าอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น
บี้ผู้ส่งออกข้าว-ยาง
อย่างธุรกิจผู้ส่งออก กรมสรรพากรได้มีการหารือกับสมาคมผู้ส่งออกข้าวเมื่อ 6 กุมภาพันธ์ 2550 กรณีปัญหาผู้ส่งออกข้าวก็คือ การไปซื้อข้าวมาจากผู้รวบรวมข้าว (หยง) หรือ เกษตรกรบางรายแล้วจะไม่มีหลักฐานการซื้อ-ขาย เมื่อไม่มีหลักฐานดังกล่าวมาแสดงกับกรมสรรพากรก็ไม่สามารถนำมาลงบัญชีหักเป็นต้นทุนค่าใช้จ่ายได้ ผลคือเสียภาษีเต็มๆ ทางออกคือผู้ส่งออกข้าวต้องไปซื้อข้าวกับหยงที่อยู่ในระบบ ทุกครั้งที่ผู้ส่งออกจ่ายเงินซื้อข้าวจากหยง ผู้ส่งออกต้องออกใบภาษีหัก ณ ที่จ่ายนำส่งกรมสรรพากรทุกเดือน ตรงจุดนี้คือกลไกที่กรมสรรพากรวางเอาไว้ นอกจากผู้ส่งออกข้าวแล้วยังมีผู้ส่งออกยางพาราก็มีปัญหาในลักษณะเดียวกัน ทางกรมสรรพากรกำลังอยู่ในระหว่างการนัดหมายกับสมาคมผู้ส่งออกยางมาหารือเป็นคิวต่อไป
นายสาธิตกล่าวต่อไปอีกว่า ในเรื่องของการอุดรูรั่วไหล ใช้มาตรการป้องกันและปราบปรามการใช้ใบกำกับปลอมอย่างเข้มข้น ล่าสุดกรมสรรพากรได้ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปจับกุมผู้ที่ปลอมแปลงใบกำกับภาษีรายใหญ่ 1 ราย ผลิตใบกำกับภาษีปลอมออกจำหน่ายคิดเป็นมูลค่าเกือบ 500 ล้านบาท ทางเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินการขยายผลการสืบสวนไปยังบริษัทหรือห้างร้านอื่นๆ ที่เป็นลูกค้าเข้ามาซื้อใบกำกับภาษีปลอมจากบริษัทแห่งนี้ไปใช้ในการขอคืนภาษีกับกรมสรรพากร ทำให้รัฐสูญเสียรายได้ทันที ถ้าได้ผู้ต้องหาครบจะเปิดแถลงข่าว
ลุย กทม.เจาะข้อมูลลึก
รีดบ้านเช่า-เจ้าของป้าย
แหล่งข่าวจากกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาทาง กทม.จะส่งเจ้าหน้าที่ออกไปเดินสำรวจข้อมูลสถานประกอบการอย่างเข้มข้น และมีการจัดทำเป็นแผนที่ภาษีแยกย่อยออกเป็นระดับถนน, ซอย และตัวอาคาร รู้ถึงขนาดที่ว่าบ้านพักอาศัยหลังนี้กั้นห้องให้คนเช่า 2 ห้อง เป็นต้น ส่วนข้อมูลแผนที่ภาษีสรรพากรจะมีจุดแข็งตรงที่มีข้อมูลรายละเอียดเจาะลึกไปที่ตัวธุรกิจภายในตัวอาคาร เช่น ห้างสรรพสินค้ามีร้านตัดผมกี่ร้าน ร้านอาหารกี่ร้าน จ่ายค่าเช่ากันเท่าไร จ่ายให้ใคร เป็นต้น ส่วนภายนอกอาคารจะไม่ละเอียดเท่าของแผนที่ภาษีของ กทม. เช่น ตลาดนัด หาบเร่แผงลอยตามจุดผ่อนปรนชั่วคราว ข้อมูลเหล่านี้เจ้าหน้าที่เทศกิจมีครบ
ประโยชน์ที่จะเห็นเป็นรูปธรรมชัดๆ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการคอนโดมิเนียม อพาร์ต เมนต์บางราย ไปแจ้งเสียภาษีโรงเรือนและที่ดินกับ กทม.ต่ำกว่าความเป็นจริง เก็บค่าเช่ามาเดือนละ 5,000 บาท แต่ไปแจ้งกับ กทม.แค่ 3,000 บาท เพื่อทำให้ฐานภาษีโรงเรือนต่ำ ส่วนอีก 2,000 บาทไปลงบัญชีเป็นรายรับจากค่าสาธารณูปโภค หรือค่าบริหารส่วนกลาง โดยผู้ประกอบการเหล่านี้หารู้ไม่ว่าเงินที่เก็บจากค่าสาธารณูปโภคเดือนละ 2,000 บาท ถ้ารวมทุกห้องแล้วคิดเป็นรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องเข้ามาเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ด้วย
ภาษีสรรพากรวืดเป้า
นอกจากนี้ ทางกรมสรรพากรก็ยังได้ข้อมูลการเสียภาษีป้ายโฆษณา พร้อมรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับอนุญาตจาก กทม.ให้ปิดป้ายโฆษณาตามสถานีรถไฟฟ้าและโฆษณาภายในขบวนรถไฟ ป้ายรถประจำทางมาด้วย ข้อมูลเหล่านี้กรมสรรพากรจะนำไปวิเคราะห์ร่วมกับแบบเสียภาษีที่ผู้ประกอบการเคยยื่นเอาไว้ ถ้าเสียไม่ถูกต้องก็จับเสียให้ถูกต้อง
ส่วนสถานการณ์การจัดเก็บภาษี ล่าสุดในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 นายสมชัย สัจจพงษ์ โฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลเก็บได้ประมาณ 103,115 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 0.1% (หักคืนภาษีสรรพากร, จัดสรร vat ให้ อบจ. และกันเงินชดเชยส่งออก) โดยกรมสรรพากรเก็บได้ 73,445 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 547 ล้านบาท กรมสรรพสามิตเก็บได้ 23,667 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 435 ล้านบาท กรมศุลกากรเก็บได้ 7,213 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ
สาเหตุที่ทำให้กรมสรรพากรเก็บภาษีในเดือนนี้ต่ำกว่าประมาณการเกิดจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเก็บได้ 35,544 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 1,378 ล้านบาท ภาษีเงินได้นิติบุคคลเก็บได้ 13,150 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 919 ล้านบาท ภาษีธุรกิจเฉพาะเก็บได้ 2,644 ล้านบาท
ต่ำกว่าประมาณการ 123 ล้านบาท และอากรแสตมป์เก็บได้ 579 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการ 72 ล้านบาท
กทม.เล็งผลเลิศ
ด้านนายพงษ์ศักติฐ์ เสมสันต์ ปลัด กทม. กล่าวว่า เมื่อเร็วๆ นี้ กทม.ได้เซ็นลงนามกับทางกรมสรรพากรเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน โดยกรมสรรพากรจะได้ข้อมูลจากแผนที่ GIS 1 : 4000 เป็นแผนที่ที่ กทม.พัฒนาขึ้นมาเพื่อแสดงที่ตั้งและรายละเอียดต่างๆ ในพื้นที่ของ กทม.ทั้งหมด ทางกรมสรรพากรจะนำแผนที่นี้ไปใช้ในการขยายฐาน และตรวจสอบการจัดเก็บภาษี ส่วน กทม.จะได้ประโยชน์จากโนว์ฮาวระบบภาษีทั้งหมดของกรมสรรพากรมาช่วยบริหารและจัดวางระบบการจัดเก็บรายได้ของ กทม.
"นอกจากนี้ กทม.ยังได้ร่วมกับกรมที่ดินในการสำรวจที่ดินรกร้างทั่ว กทม.ที่ไม่มีเจ้าของ กทม.ไม่สามารถจัดเก็บภาษีบำรุงท้องที่ได้ ให้สามารถตรวจสอบหาเจ้าของได้โดยใช้ข้อมูลจากกรมที่ดิน ซึ่งจะช่วยให้การจัดเก็บภาษีครอบคลุมมากขึ้น"
นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ในปี 2550 นี้ได้มีการปรับเป้าการจัดเก็บภาษีของ กทม.เพิ่มขึ้นประมาณ 10% หรือ 8,748 ล้านบาท โดยภาษีโรงเรือนตั้งเป้าจะจัดเก็บ 8,000 ล้านบาท จากที่ประมาณการไว้ 7,400 ล้านบาท ปีที่แล้วจัดเก็บได้ 7,337 ล้านบาท ภาษีบำรุงท้องที่ตั้งเป้าจัดเก็บ 133 ล้านบาท จากที่ประมาณการไว้ 130 ล้านบาท ปีที่แล้วจัดเก็บได้ 134 ล้านบาท และภาษีป้ายตั้งเป้าจัดเก็บ 615 ล้านบาท จากประมาณการ 600 ล้านบาท ปีที่แล้วจัดเก็บได้ 585 ล้านบาท
นอกจากนี้ จะเพิ่มรายได้จากการขยายฐานไปจัดเก็บภาษีตัวใหม่ โดยขณะนี้กำลังดำเนินการขอกระทรวงมหาดไทยจัดเก็บภาษีบุหรี่ในอัตรามวนละ 10 สตางค์ จะทำให้ กทม.มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 400-500 ล้านบาท และยังได้ขอความร่วมมือไปยังกระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะขอเก็บค่าธรรมเนียมห้องพักในโรงแรม โดยจะจัดเก็บในอัตรา 1% จะทำให้ กทม.มีรายได้เพิ่มอีกหลายร้อยล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมทั้ง 2 ภาษีแล้วจะทำให้ กทม.มีรายได้เพิ่มขึ้นอีกปีละ 1,000 ล้านบาท
|