บอร์ดค่าจ้าง ไฟเขียวผ่านฉลุย ปรับค่าแรงขั้นต่ำปี 54 เพิ่ม 8-17 บาท ถกนานกว่า 2 ชั่วโมง ผู้ใช้แรงงานเฮลั่น จังหวัดภูเก็ต เพิ่ม 17 บาท พุ่งสูงสุด 221 บาท หนึ่งเดียว อ้างเป็นเมืองท่องเที่ยว ค่าครองชีพสูง ตามติดด้วย เมืองคอน-สงขลา เพิ่ม 15 บาท ขณะที่ ประจวบฯ บ้าน “เฉลิมชัย” รมว.แรงงานติดกลุ่มต่ำสุด ด้านนายจ้างลั่น ให้ได้เต็มที่แล้ว ย้อน “มาร์ค” ให้จ่ายเพิ่มเป็น 250 บาท ตามที่ประกาศไว้ ขณะที่องค์กรแรงงาน พอใจเดินหน้าต่อให้ 31 จว.ต่ำกว่า 10 บาท
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 9 ธ.ค. ที่กระทรวงแรงงาน นายสมเกียรติ ฉายะศรี วงศ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการค่าจ้าง เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการค่าจ้าง ชุดที่ 18 เพื่อพิจารณาการปรับค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 54 ภายหลังการประชุม 2 ชั่วโมง นาย สมเกียรติ แถลงว่า ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ ให้ปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ปี 54 ทั่วประเทศ ในอัตรา 8-17 บาท โดยพิจารณาจากตัวเลขค่าจ้างที่แต่ละจังหวัดเสนอมาเป็นหลัก พร้อมกับดูในเรื่องของภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพ ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง รวมทั้งพิจารณาถึงการจ่ายชดเชยอัตราเงินเฟ้อที่สูงกว่าขั้นต่ำตลอด 10 ปี ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ส่วนต่างของค่าจ้าง บางจังหวัดสูงถึง 70-80 บาท ดังนั้นการพิจารณาปรับครั้งนี้ จึงได้ดูเป็นรายภาคเรียงกัน อย่างไรก็ตาม การจ่ายชดเชยในส่วนของค่าจ้างที่มีส่วนต่างไม่สามารถปรับในครั้งเดียวได้ เพราะจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจและนายจ้าง จึงต้องดำเนินการปรับแบบค่อยเป็นค่อยไปภายใน 5 ปี
นายสมเกียรติ กล่าวว่า การปรับ ขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำรอบนี้ เพื่อต้องการรักษา อำนาจการซื้อของผู้ใช้แรงงาน ตลอดจนพัฒนาฝีมือแรงงานที่เริ่มเข้าทำงานใหม่ ให้สามารถดำรงชีพอยู่ ได้ในแต่ละวันอย่าง มีคุณภาพ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 54 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จังหวัด ที่ได้รับการปรับขึ้นต่ำสุด 8 บาท มี 7 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพะเยา 159 บาท ศรีสะเกษ 160 บาท อำนาจเจริญ 163 บาท นครสวรรค์ และเพชรบูรณ์ 166 บาท อุทัยธานี 168 บาท ประจวบคีรีขันธ์ 172 บาท
ขณะที่ปรับขึ้นในอัตรา 9 บาท 24 จังหวัด ได้แก่ น่าน 161 บาท ตาก สุรินทร์ 162 บาท มหาสารคาม 163 บาท นคร พนม 164 บาท ชัยภูมิ ลำปาง หนองบัวลำภู 165 บาท เชียงราย บุรีรัมย์ ร้อย เอ็ด ยโสธร สกลนคร 166 บาท ชัยนาท สุพรรณบุรี 167 บาท ตราด ลำพูน 169 บาท สมุทรสงคราม 172 บาท อ่างทอง 174 บาท เชียงใหม่ 180 บาท พระนครศรีอยุธยา 190 บาท สระบุรี 193 บาท สมุทร ปราการ 215 บาท และกรุงเทพมหานคร 215 บาท
ปรับขึ้น 10 บาท 16 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก แม่ฮ่องสอน อุตรดิตถ์ 163 บาท มุกดาหาร 165 บาท กาฬสินธุ์ ขอนแก่น 167 บาท กำแพงเพชร 168 บาท หนอง คาย 169 บาท นครนายก 170 บาท เลย สระแก้ว 173 บาท นครราชสีมา 183 บาท นนทบุรี นครปฐม ปทุมธานี สมุทร สาคร 215 บาท ส่วนปรับขึ้น 11 บาท 6 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี 170 บาท นราธิวาส อุบลราชธานี 171 บาท สิงห์บุรี 176 บาท เพชรบุรี 179 บาท ระยอง 189 บาท
สำหรับปรับขึ้น 12 บาท 10 จังหวัด ได้แก่ แพร่ พิจิตร 163 บาท สุโขทัย 165 บาท อุดรธานี 171 บาท ยะลา 172 บาท จันทบุรี 179 บาท กาญจนบุรี 181 บาท ลพบุรี 182 บาท ระนอง 185 บาท ชลบุรี 196 บาท ส่วนปรับขึ้น 13 บาท 7 จังหวัด ได้แก่ สุราษฎร์ธานี 172 บาท ชุมพร 173 บาท ตรัง 175 บาท ราชบุรี 180 บาท พังงา 186 บาท ฉะเชิงเทรา 193 บาท ปราจีนบุรี 183 บาท ขณะที่ปรับขึ้น 14 บาท มี 3 จังหวัด ได้แก่ พัทลุง สตูล 173 บาท กระบี่ 184 บาท ปรับขึ้น 15 บาท มี 2 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 174 บาท สงขลา 176 บาท และปรับ ขึ้น 17 บาท มี 1 จังหวัด คือภูเก็ต 221 บาท
“สาเหตุที่จังหวัดภูเก็ต ได้รับการปรับขึ้นสูงสุด เพราะเป็นจังหวัดท่องเที่ยว ที่มีค่าครองชีพสูง ซึ่งเดิมอนุกรรมการค่าจ้างจังหวัดเสนอปรับขึ้น 11 บาท แต่บอร์ดค่าจ้างกลางได้บวกค่าคุณภาพชีวิตให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจอีก 6 บาท รวมเป็น 17 บาท ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานประกันสังคม มีลูกจ้างที่จะได้รับการปรับค่าจ้างครั้งนี้จำนวน 2 ล้านคน เป็นเม็ดเงิน 6,918 ล้านบาท เมื่อรวมกับแรงงานต่างด้าวอีกประมาณ 2 ล้านคน ซึ่งจะได้ค่าจ้างขั้นต่ำในอัตราใหม่ เป็นเงิน 7,700 ล้านบาท เมื่อรวมแล้วจะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้น 14,900 ล้านบาท” นายสมเกียรติ กล่าว
นายปัณณพงษ์ อิทธิ์อรรถนนท์ กรรมการค่าจ้างฝ่ายนายจ้าง กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำทุกปี มักจะมีข้อถก เถียงกันมาก แต่ปีนี้เป็นปีที่มีการขึ้นค่าจ้างไม่เกินความคาดหมาย เพราะมีการพูดคุย มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ตัวเลขที่ปรับขึ้นอยู่ในอัตราประมาณนี้ อย่างไรก็ตาม ที่มีการพูดกันว่าการขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ ปรับไม่ถึง 250 บาทต่อวัน ตามที่นายกฯ เคยพูดไว้ ผมในฐานะ ที่เป็นภาคเอกชน ก็บอกได้เลยว่า อัตราที่ปรับขึ้น 8-17 บาท เป็นตัวเลขที่นายจ้างสามารถจ่ายได้แค่นี้เต็มที่แล้ว เพราะการขึ้นค่าจ้างครั้งนี้ ส่งผลกระทบกับนายจ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากค่าจ้างฐานล่างได้มีการขยับก็จะทำให้ค่าจ้างในระดับบนต้องปรับขึ้นตามไปด้วย แต่ถ้ารัฐบาลเห็นว่ายังไม่มากพอ ส่วนที่เกินก็ให้รัฐบาลเอามาเสริมให้เต็มตามที่ประกาศไว้ให้ถือว่าเป็นสวัสดิการสำหรับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งก็เหมือนกับการที่รัฐบาลปรับเงินเดือนให้กับลูกจ้างรัฐมาแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกัน ที่ด้านข้างกระทรวงแรงงานช่วงเช้าที่ผ่านมาได้มีกลุ่มผู้ใช้แรงงานมารวมตัวชุมนุมประมาณกว่า 100 คน เพื่อกดดันให้บอร์ดค่าจ้างพิจารณาปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 10 บาททั่วประเทศ ตามที่องค์กรแรงงานฯ เคยยื่นข้อเรียกร้องไว้ โดยนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.แรงงาน ได้มารับหนังสือด้วยตนเอง และภายหลังจากที่ทราบผลว่า บอร์ดค่าจ้างมีมติปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ 8- 17 บาท
นายมนัส โกศล ประธานองค์การแรงงานแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาพ รวมถือว่าพอใจกับผลที่ออกมา อย่างไรก็ตาม อยากให้ทางคณะกรรมการค่าจ้างกลับไปทบทวนจังหวัดที่ได้รับการปรับขึ้นน้อยกว่า 10 บาท ทั้งหมด 31 จังหวัด เพราะค่าคุณภาพชีวิตยังต่ำกว่าความเป็นจริง อยู่มาก ซึ่งทางองค์การแรงงานฯ จะยื่นหนังสือถึงปลัดกระทรวงฯ ให้ปรับขึ้นค่า แรงเพิ่มเติมในจังหวัดเหล่านี้ ในวันที่ 12 ธ.ค. 53 รวมทั้งขอให้ชี้แจงเหตุผลกรณี ปรับขึ้นค่าจ้างให้จังหวัดภูเก็ตถึง 17 บาท ซึ่งเป็น จังหวัดเดียวที่ได้รับการปรับขึ้นสูงที่สุด.