|
การวางแผนภาษีโดยการเลือกองค์กรธุรกิจ แบ่งออกเป็น |
|
(Business Organization) |
|
1. กิจการเจ้าของคนเดียว (Sole Proprietorship) |
|
2. ห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่นิติบุคคลหรือคณะบุคคล (Ordinary Partnership or Nonjuristic Body of Persons) |
3. ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล (Ordinary Registered Parnership) |
|
4. ห้างหุ้นส่วนจำกัด (Limited Partnership) |
|
5. บริษัทจำกัด (Limited Company) |
|
|
6. บริษัทมหาชน จำกัด (Public Limited Company) |
|
7. กิจการร่วมค้า (Joint Venture) |
|
|
8. กลุ่มธุรกิจหรือกลุ่มบริษัท (Consortium) |
|
|
** |
ข้อ 1 และข้อ 2 เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
|
** |
ข้อ 3 ถึง ข้อ 6 เสียภาษีเงินได้นิติบุคคล |
|
|
|
|
|
|
ข้อได้เปรียบและเสียเปรียบทางภาษีอากรของผู้ประกอบการ |
ประเด็นในการเปรียบเทียบ |
|
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
ภาษีเงินได้นิติบุคคล |
1. การยกเวันภาษี |
ได้รับยกเว้นภาษีมากกว่า |
ได้รับยกเว้นภาษีน้อยกว่า |
2. การยื่นแบบแสดงรายการ |
ตามปกติยื่นแบบแสดงรายการปีละ 1 ครั้ง |
ยื่นแบบแสดงรายการรอบระยะเวลาบัญชี |
|
โดยใช้แบบ ภงด.90 หรือ ภงด.91 แล้วแต่กรณี |
ละ 2 ครั้ง โดยใช้แบบ ภงด.50 และ 51 |
|
เว้นแต่มีเงินได้พึงประเมินตาม มาตรา 40 |
แล้วแต่กรณี ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีเงินได้หรือไม่ |
|
(5) (6) (7) หรือ (8) แห่งประมวลรัษฎากร |
เพียงใด |
|
จึงต้องยื่นปีละ 2 ครั้ง โดยครั้งแรกใช้แบบ |
|
|
ภงด.94 ส่วนครั้งที่ 2 ใช้ แบบ ภงด.90 อย่างไร |
|
|
ก็ดีผู้มีเงินได้จะต้องมีเงินได้พึงประเมินเกินกว่า |
|
|
จำนวนที่ประมวลรัษฎากร มาตรา 56 กำหนดไว้ |
|
|
จึงจะต้องยื่นแบบแสดงรายการ |
|
|
1.บุคคลไม่มีสามี/ภริยาเงินได้เกิน 30,000 บาท |
|
|
2.ไม่มีสามี/ภริยาตามม.40(1)เกิน 50,000 บาท |
|
|
3 มีสามี/ภริยามีเงินได้เกิน 60,000 บาทหรือ |
|
|
4.มีสามี/ภริยาตาม ม.40(1)เกิน 100,000 บาท |
|
3. อัตราภาษี |
1. อัตราก้าวหน้าตั้งแต่ 5% ถึง 37%ของ |
1. อัตราคงที่ 30% หรือ 10%ของกำไร |
|
เงินได้สุทธิ |
สุทธิแล้วแต่กรณี |
|
2. อัตราคงที่ 0.5% ของเงินได้พึงประเมิน |
2. อัตราคงที่ 3% 5% 10% (2%) 15% |
|
(ยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ) |
ของยอดรายรับก่อนหักรายจ่ายใด ๆ |
|
ดูบัญชีอัตราภาษีเงินได้ ม.76 ตรี |
แล้วแต่กรณี ดูมาตรา 76 ตรี |
|
|
|
3. SMEs อัตรา 15, 25, 30% ของกำไรสุทธิแต่ละขั้น |
|
|
|
|
ประเด็นในการเปรียบเทียบ |
|
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
ภาษีเงินได้นิติบุคคล |
4. การคำนวณภาษี |
ต้องคำนวณ 2 วิธี คือ วิธีอัตราภาษีก้าวหน้า |
คำนวณเพียงวิธีเดียวแล้วแต่ว่าเสียภาษี |
|
และวิธีอัตราภาษีคงที่และเปรียบเทียบกัน |
จากฐานใด ถ้าเสียภาษีจากฐานกำไรสุทธิ |
|
วิธีใดมีจำนวนภาษีมากกว่าก็ต้องเสียภาษีตาม |
ก็คำนวณจากรายได้หักด้วยรายจ่าย |
|
วิธีนั้น การคำนวณภาษีตามวิธีอัตราภาษี |
แต่ถ้าเสียจากฐานรายได้ก่อนหักรายจ่ายใดๆ |
|
ก้าวหน้าให้ใช้สูตร |
ก็นำรายรับนั้นไปคำนวณกับอัตราภาษีได้เลย |
|
เงินได้พึงประเมิน หัก ค่าใช้จ่าย หัก ค่าลดหย่อน |
|
|
= เงินได้สุทธิ |
|
5. การหักค่าใช้จ่าย |
หักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาหรือหักค่าใช้จ่ายตาม |
หักค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริงเท่านั้น |
|
ความจำเป็นและสมควร (ต้องทำบัญชีภาษีอากร) |
|
6. การหักค่าลดหย่อน |
หักค่าลดหย่อนได้ |
หักค่าลดหย่อนไม่ได้ |
7. การรับรู้รายได้และรายจ่าย |
ใช้เกณฑ์เงินสด (Cash Basis) |
ใช้เกณฑ์สิทธิ (Accrual Basis) |
8. ผลการประกอบการขาดทุน |
แม้ขาดทุนก็ต้องเสียภาษี 0.5%ของเงินได้ |
ขาดทุนไม่ต้องเสียภาษีและยังยกยอดขาดทุน |
|
พึงประเมิน (รายรับก่อนหักรายจ่าย) |
ไปหักออกจากกำไรสุทธิในรอบระยะเวลา |
|
|
|
บัญชีต่อ ๆ ไปได้ ไม่เกิน 5 รอบเวลาบัญชี |
9. การประเมินค่าตอบแทน |
ในกรณีโอนทรัพย์สิน ให้บริการหรือให้กู้ยืมเงิน |
ในกรณีโอนทรัพย์สิน ให้บริการหรือให้กู้ยืมเงิน |
ค่าบริการหรือดอกเบี้ย |
โดยไม่มีค่าตอบแทน ค่าบริการหรือดอกเบี้ย |
โดยไม่มีค่าตอบแทน ค่าบริการ หรือดอกเบี้ย |
|
ต่ำกว่าราคาตลาด โดยไม่มีเหตุอันสมควร |
หรือมีค่าตอบแทน ค่าบริการหรือดอกเบี้ย |
|
เจ้าพนักงานประเมินไม่มีอำนาจประเมินค่า |
ต่ำกว่าราคาตลาด โดยไม่มีเหตุอันสมควร |
|
ตอบแทน ค่าบริการหรือดอกเบี้ยนั้นราคาตลาด |
เจ้าพนักงานประเมินมีอำนาจประเมินค่า |
|
ในวันที่โอน ให้บริการหรือให้กู้ยืมเงิน |
ตอบแทน ค่าบริการหรือดอกเบี้ยนั้นตาม |
|
|
|
ราคาตลาดในวันที่โอนให้บริการหรือให้กู้ยืม |
10. การทำบัญชี |
ผู้เสียภาษีไม่ต้องทำบัญชี เว้นแต่รัฐมนตรีว่า |
ต้องทำบัญชี (พรบ.การบัญชี พ.ศ.2543 |
|
การกระทรวงพาณิชย์โดยความเห็นชอบของ |
มาตรา 8 วรรคหนึ่ง) |
|
คณะรัฐมนตรีจะกำหนดให้ต้องทำบัญชีโดย |
|
|
ประกาศในราชกิจจานุเบกษา (พรบ.การบัญชี |
|
|
พ.ศ.2543 มาตรา 8 วรรคสี่) |
|
11. บัญชีภาษีอากร |
ไม่ต้องทำบัญชีภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร |
ต้องนำบัญชีภาษีอากรตามประมวลรัษฎากร |
|
มาตรา 65 ทวิ และ 65 ตรี มาใช้ เว้นแต่ |
มาตรา 65 ทวิและมาตรา 65 ตรี มาใช้ |
|
ผู้เสียภาษีขอหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและ |
ฉะนั้นกำไรสุทธิหรือขาดทุนสุทธิที่ปรากฎ |
|
สมควร |
|
ในงบกำไรขาดทุน จึงต้องมีการปรับปรุง |
|
|
|
ให้เป็นไปตามหลักบัญชีภาษีอากรดังกล่าว |
|
|
|
จึงจะใช้เสียภาษีได้ |
|
|
|
|
ประเด็นในการเปรียบเทียบ |
|
ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
ภาษีเงินได้นิติบุคคล |
12. เงินปันผลหรือ |
กรณีคณะบุคคลหรือห้างหุ้นส่วนสามัญที่มิใช่ |
|
กรณีบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลจ่าย |
เงินส่วนแบ่งของกำไร |
นิติบุคคลแบ่งเงินส่วนแบ่งของกำไรให้แก่บุคคล |
เงินปันผลหรือเงินส่วนแบ่งของกำไรแก่ |
|
ในคณะบุคคลหรือผู้เป็นหุ้นส่วน เงินส่วนแบ่ง |
ผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วนแล้วแต่กรณี |
|
ของกำไรนั้นได้รับยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา |
หากผู้รับเป็นบริษัทจำกัดที่ตั้งขึ้นตามกฎหมาย |
|
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42 (14) |
ไทยอาจได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเงินปันผลนั้น |
|
|
|
มารวมเป็นรายได้ในการคำนวณกำไรสุทธิ |
|
|
|
ทั้งหมดหรือครึ่งหนึ่ง (ดูประมวลฯ ม.65 ทวิ |
|
|
|
(10)) แต่ถ้าผู้รับเงินปันผลหรือส่วนแบ่งของ |
<A href="http://images.google.co.th
|