หลายท่านคงเคยได้เห็นได้ยินโฆษณาของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ชุด "จดแล้วไม่จน" ที่รณรงค์ให้ประชาชนจัดทำสมุดบัญชีครัวเรือนเพื่อบันทึกบัญชีรายรับ รายจ่ายของครอบครัว หรือสมุด "จดแล้วรวย" ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ "คู่มือชีวิตพอเพียงตามแนวพระราชดำริ" ของศูนย์ส่งเสริมการบริหารเงินออมครอบครัว กรุงเทพมหานคร
นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายหน่วยงานที่รณรงค์ให้พนักงานในหน่วยงานของตน ให้ความสำคัญในเรื่องการจด การบันทึก เรื่องเงินๆ ทองๆ ส่วนตัวอย่างจริงจังในหลากหลายรูปแบบ
หลายคนที่ไม่ได้จดอาจจะมีข้อข้องใจว่า จดแล้วจะไม่จนจริงหรือ? จดแล้วจะรวยจริงหรือ? การจดจะช่วยเราได้อย่างไร? เราจะเสียเวลาไปกับการจดเปล่าๆ หรือไม่? จดไปจดมาจะคุ้มมั้ยเนี่ย? เราจะจดไปเพื่ออะไรกันเนี่ย? ทำไมหลายๆ หน่วยงานจึงมีการรณรงค์เรื่องนี้กันอย่างกว้างขวาง
จริงๆ แล้วการจดมีความสำคัญอย่างยิ่ง การจดไม่เพียงแต่เป็นการบันทึกช่วยจำเท่านั้น แต่การจด (โดยเฉพาะการจดบันทึกรายรับ รายจ่ายส่วนตัว) ยังสามารถสร้างความมหัศจรรย์ และสร้างปาฏิหาริย์ให้เกิดขึ้นกับตัวเราเองได้ด้วยเชื่อหรือไม่? ใครไม่เชื่อคงต้องลองพิสูจน์ด้วยตัวเองค่ะ
ความสำคัญประการแรกของการจดบันทึก รายรับ รายจ่ายส่วนตัว ก็คือ จะช่วยให้เรารู้จักตนเองดีขึ้น เพราะว่าในแต่ละวัน วันละ 24 ชั่วโมง ในแต่ละกิจกรรมที่เราทำ มักจะเกี่ยวข้องกับเงินๆ ทองๆ แทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงานเพื่อหาเงิน หรือการใช้เงินเพื่อตอบสนองความต้องการของตนเอง
ลองคิดดูเล่นๆ ว่า ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้าจนถึงเวลาเข้านอน เราทำกิจกรรมอะไรบ้าง และมีรายได้ หรือค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นเท่าไร แค่ลองคิดดูเล่นๆ ก็คงพอจะเห็นภาพว่ากิจกรรมต่างๆ มีความเกี่ยวข้องกับเงินในกระเป๋าเราแทบทั้งสิ้น แล้วเราจะจำได้หมดมั้ยเนี่ย? หลายท่านอาจจะแย้งว่าไม่เห็นจำเป็นต้องจดเลย จำๆ ไว้แบบคร่าวๆ ก็น่าจะเพียงพอแล้ว
ที่จริง การจดบันทึกรายรับ รายจ่ายทุกสิ้นวันจะช่วยให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น เพราะว่ารายรับ และรายจ่ายที่เกิดขึ้นจะเป็นข้อมูลที่สะท้อนพฤติกรรมของเราได้อย่างชัดเจนที่สุด ข้อมูลจากการจดบันทึกจะบอกเราว่าเงินที่เราทำมาหาได้ ถูกใช้จ่ายไปในทางใดบ้าง เงินส่วนใหญ่จ่ายไปเพื่ออะไร สัดส่วนการจัดสรรเงินของเราเป็นอย่างไร
บางท่านอาจจะพบว่า เงินส่วนใหญ่หมดไปกับค่าเดินทาง เพราะว่าตื่นสายบ่อย จึงต้องเรียกแท็กซี่หรือต้องขึ้นทางด่วนเป็นประจำ พอเห็นตัวเลขค่าแท็กซี่ หรือค่าทางด่วนต่อเดือนแล้ว ท่านอาจตื่นเช้าขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยนาฬิกาปลุกก็เป็นได้ หรือบางท่านอาจจะพบว่า เงินส่วนใหญ่หมดไปกับการค่าอาหาร แล้วท่านก็จะเข้าใจได้ว่าที่น้ำหนักขึ้นเอา ขึ้นเอา ก็เพราะท่านใช้เวลาว่างไปกับการทานอาหาร
เมื่อรวมตัวเลขในแต่ละเดือนดูแล้ว ท่านอาจจะตกใจ เมื่อพบว่าเงินส่วนใหญ่หมดไปกับกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งมากเกิน หรืออาจจะพบว่าเงินหมดไปกับบางกิจกรรมน้อยเกินไป รวมทั้งพบว่ากิจกรรมบางอย่างที่เราไม่เคยสนใจ ไม่ใส่ใจ ทำไมใช้เงินเยอะจัง
รับรองค่ะว่า เมื่อรู้จักตัวเอง เมื่อเห็นพฤติกรรมของตนเองแล้ว การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งความพยายามในการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ ที่ไม่จำเป็น หรือละเลิกกิจกรรมที่สร้างความฟุ่มเฟือยทั้งหลายทั้งปวง ดังนั้น จุดเริ่มต้นที่ดี ก็คือ การทำไดอารี่ทางการเงินเป็นประจำ
เพื่อจะได้เห็นพฤติกรรมของตัวเองค่ะ ซึ่งการจดบันทึกอย่างต่อเนื่องก็จะเป็นการตรวจสอบพฤติกรรมของตนเองอย่างสม่ำเสมอ เมื่อพบข้อบกพร่อง เริ่มจะออกนอกลู่นอกทาง ก็จะได้ปรับปรุงแก้ไขได้ทันเวลา
ต่อมา เมื่อเรารู้จักตนเองแล้ว เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างแล้ว สิ่งสำคัญที่จะตามมา ก็คือ พัฒนาการทางการเงินที่จะสร้างวินัยทางการเงินที่ดี เพราะบันทึกทางการเงินที่บกพร่องในอดีต ย่อมทำให้เราปรับปรุงปัจจุบัน และวางแผนอนาคตที่ดีขึ้นได้
นอกจากนี้ การทำบัญชีรายรับ รายจ่ายในครอบครัว ยังเพิ่มความรัก ความอบอุ่นในครอบครัว ความเห็นอกเห็นใจกันผ่านการสื่อสาร การรับส่งข้อมูลทางการเงินระหว่างกัน ได้อย่างดีอีกด้วย อย่างเช่น คุณพ่อ คุณแม่ อาจจะมอบหมายให้ลูกๆ เป็นผู้บันทึก ทุกวันก่อนนอน คุณลูกจะต้องเก็บข้อมูลจากคุณพ่อ คุณแม่ และถ่ายทอดข้อมูลของตนเองเพื่อจัดทำบันทึกของครอบครัว ลูกๆ อาจจะเข้าใจได้ว่า ทำไมคุณพ่อ จึงยังไม่ซื้อโทรศัพท์มือถือให้สักที
สำหรับรูปแบบของบันทึกรายรับ รายจ่าย หากใครได้แบบสำเร็จรูปมาจะสะดวกใช้ของสำนักไหนก็ไม่ว่ากัน หรือจะลองออกแบบ ตีตารางเอง ตามความเข้าใจของเราเองก็ยิ่งดีค่ะ จะวาดรูป ติดรูปเพิ่มสีสันในการบันทึก ช่วยเพิ่มรสชาติก็ไม่ว่ากัน ใครที่มีเป้าหมายการจัดสรรเงินอย่างชัดเจน เช่น จะซื้อรถ ซื้อบ้าน จะหารูปบ้าน รูปรถมาติดเพื่อสร้างแรงจูงใจ ก็น่าจะเพิ่มพลังในการบันทึกได้ไม่น้อยทีเดียว ว่าวันนี้เราจ่ายเงินเข้ากองทุนเงินออมเพื่อบ้านหลังใหม่ไว้เท่าไร จะว่าไปแล้วของแบบนี้ ไม่ลองไม่รู้ค่ะ ลองทำดูสักสองสามอาทิตย์ รับรองจะติดใจ