"รายงาน:วรนุช เจียมรจนานนท์ "
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เครือซิเมนต์ไทย (SCG) ประกาศเดินหน้าสู่องค์กรนวัตกรรม (Innovation Organization) อย่างเป็นทางการ 2-3 ปีที่ผ่านมา รวมถึงมีการทุ่มงบประมาณผ่านสื่อก้อนโต เพื่อสื่อสารถึงวิสัยทัศน์ที่ทั้งเครือกำลังจะก้าวไป
เปิดศักราชใหม่ ผู้บริหารระดับสูงหลายคนในเครือ ภายใต้การนำทัพของ "กานต์ ตระกูลฮุน" กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) จึงคร่ำเคร่งอยู่กับตำรับตำรากองโต จากสารพันโรงเรียนสอนธุรกิจ Business School
เป้าหมายเพื่อเร่งแปลงตัวเองจากความเก่งเฉพาะด้าน มาเป็นความรู้รอบด้าน แปลงจากเก่งคนเดียวมาเป็นเก่งยกทีม แล้วมาช่วยกันออกแรงผลักองค์กรจาก Local Company สู่ Multinational Company
"2-3 ปีแรกของการเดินหน้าสู่นวัตกรรมของเครือปูนซิเมนต์ไทย เป็นเรื่องของการสร้างบรรยากาศ มุ่งให้เกิดการเปิดใจ รับฟัง กล้าเสนอแนะ" แม่ทัพใหญ่แห่งปูนเปิดใจ
อย่างไรก็ดี เขายืนยันว่าอีกไม่เกิน 3 ปีนับจากนี้ ความเป็นองค์กรแห่งนวัตกรรมจะสัมฤทธิผล และจับต้องได้ชัดเจน ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการสร้างมูลค่าเพิ่มทั้งทางด้านการตลาดและผลิตภัณฑ์ รวมถึงประเด็นของการสร้างคน เพิ่มปริมาณคน เพื่อรองรับการเติบโตนอกบ้าน
"อนาคตของปูนจะผสมผสานสู่ความเป็น Multinational Company จากนี้ไปเรายังมองยาวไกลอีกมโหฬาร เฉพาะเรื่องคนพูดได้เป็นวันๆ
อีก 5 ปีข้างหน้าเครือซิเมนต์ไทยจะต้องเร่งเพิ่มคนอีกไม่น้อยกว่า 5,000 คน หรือจากจำนวนคนปัจจุบันนี้ 2.4 หมื่นคน เพิ่มเป็น 2.9 หมื่นคน โดยเป้าหมาย 5,000 คนที่ว่า จะมีแรงงานคนไทยเพียง 1,000 คน ส่วนที่เหลือเป็นการจ้างคนแต่ละท้องถิ่นที่ธุรกิจขยายไป ซึ่งจะเป็นการหล่อหลอมคนต่างเชื้อชาติ ให้มาอยู่ภายใต้วัฒนธรรมเดียวคือ ความเป็นคนปูน
โจทย์ของความเป็น "คนปูน" นี่เอง ที่ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่งยวดสำหรับผู้นำที่ต้องมาสร้างภาวะผู้นำ แกะบล็อกผู้นำที่ทำให้มั่นใจได้ว่าการเคลื่อนอาณาจักรธุรกิจปูนครั้งประวัติศาสตร์นี้จะไม่แตกแถว หรือออกนอกลู่นอกทางระหว่างนำทัพอย่างเด็ดขาด
เขาบอกว่า ความมีจิตใจที่เป็นคนปูน เป็นจิตวิญญาณที่ต้องสร้าง ต้องตีตรา ต้องทำเป็นตัวอย่างให้เห็น และถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของการบริหารจัดการองค์กรยุคนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ภายในตัวบุคคลและพัฒนาได้ยาก (จัดอยู่ในกลุ่มทักษะที่เป็น soft skills ได้แก่ ภาวะผู้นำ ความอดทนต่อความกดดัน)
เรียกได้ว่าเครือปูนซิเมนต์ไทยกำลังพยายามผสมผสานความเป็นคนเก่งกับคนดีเข้าด้วยกัน ในอุณหภูมิที่พอเหมาะ ไม่เอียงข้างใดข้างหนึ่ง
"เรามีคนเก่งเยอะ เก่งมากแบบ hard core แน่อยู่คนเดียว จะมุ่งแต่การแข่งขันอย่างเดียวไม่ได้ ไม่ใช่พูดออกมาแต่ละคำ เชือดเฉือนใจ เอามันอย่างเดียว ยุคนี้การเข้าถึงใจคน people touch ต้องมี ทำอย่างไรให้ลูกน้องอยู่ด้วยแล้วมีความสุข"
กานต์ เน้นย้ำว่า ปูนประสบความสำเร็จในการสร้างคนให้เก่งและดี แต่ในยุคที่ธุรกิจต้องไต่บันไดไปอีกขั้น จำเป็นต้องเสริมศักยภาพให้แน่นขึ้นไปอีก เช่น การเปิดใจรับฟังผู้อื่น เพราะการเก่งงานไม่เหลือบ่ากว่าแรงที่จะทำได้อยู่แล้ว แต่สิ่งสำคัญต้องเก่งคน โดยเฉพาะประเด็นของภาวะผู้นำ และการทำงานเป็นทีม ยังถือเป็นเรื่องหลักที่เป็นจุดอ่อนของคนปูน ณ เวลานี้
บางคนอาจจะไม่เคยรับรู้มาก่อนว่า เครือซิเมนต์ไทยเป็นลูกค้ารายใหญ่ของฮาร์วาร์ด บิสซิเนส สคูล มหาวิทยาลัยการจัดการธุรกิจแถวหน้าของสหรัฐอเมริกา แต่ละปีบริษัทลงทุนส่งผู้บริหารมีแววไปรับการขัดเกลาเพื่อให้กลับมาแล้วมีฝีไม้เงาระยับ มีมุมมองที่กว้างขึ้น มองภาพใหญ่มากขึ้น และจิตใจที่กว้างขวางขึ้น พอที่จะรับมือกับบทบาทองค์กรข้ามชาติเครือซิเมนต์ไทยไหว
สิ่งที่กานต์ภูมิใจไม่ใช่เพียงแค่สถาบันฮาร์วาร์ด แต่มหาวิทยาลัย Top 5 หรือ Top 10 ของโลก อย่างเคลล็อก วาร์ตัน อินสีด โคลัมเบีย ชิคาโก นิวยอร์ก แฟรงก์เฟิร์ต ก็ล้วนแล้วแต่เคยไปสำรวจและส่งคนไปเรียนจนปรุมาแล้ว
จนมาถึงยุคที่ส่งผู้นำไปต่อยอดทีละหย่อมสองหย่อมชักไม่ได้การ ไม่ทันกินกับภารกิจคิดการใหญ่ กลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาปูนจึงคิดสร้างผู้นำยกแผง 40 คนแบบเร่งรัด ด้วยการนำเข้าโปรเฟสเซอร์ "Ralph Biggadike" จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย มาจัดหลักสูตร EDP : Executive Development Program ให้กับผู้บริหารระดับสูงทั้งเครือ มูลค่าโครงการ 14 ล้านบาท หรือคิดต่อหัว 3.6 แสนบาท ระยะเวลาโครงการ 9 วัน หวังแกะโมลผู้นำเพื่อไปแตกตัวในอาเซียน
Ralph เป็นผู้เชี่ยวชาญการมุ่งฝึกฝนสู่ความเป็นมืออาชีพทางด้านบริหารจัดการ โดยเฉพาะการจัดการเชิงกลยุทธ์ เขาเป็นที่ปรึกษาองค์กรยักษ์ใหญ่ในอุตสาหกรรมยา เคยเป็นนักวิชาการในมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ถนัดในเรื่องของการเชื่อมโยงบทบาทของผู้นำ ทักษะการบริหารงานให้สอดรับกับองค์กร
เป้าหมายของการยกเครื่องผู้นำหนนี้ จึงพุ่งเป้าไปที่ soft skills หลักๆ ได้แก่ ภาวะผู้นำ (Leadership) การทำงานร่วมกับผู้อื่น (Working Through People) การสร้างภาวะผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) หลักและคุณค่าการทำงานภายใต้จริยธรรม (Values and Principles in Works and Ethics) และการรับมือกับการเปลี่ยนแปลง (How to Implement Change)
กานต์มุ่งหวังว่าหลักสูตรนี้จะเป็นการบ่มเพาะผู้นำ ในแบบอย่างที่สอดรับกับวิถีแห่งความเป็นคนปูนมากที่สุด และทันท่วงทีที่สุดในรอยต่อของการเปลี่ยนแปลง ถือเป็นการเตรียมความพร้อมอย่างสุดสุด หลังจากผู้บริหารชุดนี้เคยผ่านหลักสูตร MDP:Management Development Program ซึ่งเป็นหลักสูตรปูพื้นฐานความรู้ตามสายงานต่างๆ มาแล้ว
ปัจจุบันเครือซิเมนต์ไทยมีกิจการในเครือราว 80 แห่ง ใช้กรรมการผู้จัดการนั่งบริหารรวม 40 คน ถ้าคิดจากยอดขายปี 2549 ที่ผ่านมา 2.5 แสนล้านบาท ผู้บริหารแต่ละธุรกิจสามารถทำเงินให้ไม่น้อยกว่า 7 พันล้านบาทต่อปี
ส่วนหนึ่งของยอดขายบริษัทจะตัดเป็นงบประมาณทางด้านวิจัยและพัฒนา โดยเฉพาะปี 2550 นี้ จะมีตัวเลขการใช้จ่าย 2 เท่าจากปีก่อนหน้า และใช้งบประมาณอีกส่วนหนึ่ง 500 ล้านบาทในการพัฒนาคน เพื่อให้เป็นไปตาม 2 เป้าหมายใหญ่ที่วางไว้คือ 1. มุ่งสร้างคุณค่าให้เครือซิเมนต์ไทย (values SCG) และ 2. สร้างคนรองรับการเติบโต
นอกจากนี้จากโจทย์การเร่งสร้างคนให้ทันกับธุรกิจ ทำให้หลายปีที่ผ่านมาเครือซิเมนต์ไทยสร้างปรากฏการณ์กวาดต้อนคนเก่งเข้ามาซ่องสุมกำลัง โดยเฉพาะกลุ่มเลือดใหม่ไฟแรงเกียรตินิยมอันดับ 1 ไม่น้อยกว่า 65 คนที่ได้รับการทาบทาม และมาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรปูน
ขณะเดียวกันปูนยังคิดโปรแกรมพิเศษสำหรับคนไทยและต่างชาติ ที่ใช้ทุนเองเรียนจบมหาวิทยาลัยชั้นนำอย่างวาร์ตัน หรือสแตน ฟอร์ด สามารถเข้ามาร่วมงานกับปูนโดยบริษัทจะคืนทุนเรียนทั้งหมดให้ในวงเงิน 5 ล้านบาท ทั้งในรูปของการจ่ายคืนทั้งก้อน หรือชดเชยให้ทุกไตรมาสเป็นเวลา 6 ปี
จากนี้ไปจับตาให้ดีๆ กับการเดินหมากของคนปูนเวอร์ชั่น multi-skills |