การพัฒนาพลังงานลมในประเทศไทย
เมื่อมองย้อนกลับมาในประเทศความจริงนั้น ประเทศไทยได้เริ่มโครงการพลังงานทดแทนมาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2526 เป็นต้นมา โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าร่วมเซลล์แสงอาทิตย์ และกังหันลม แบบต่อเข้าระบบจำหน่ายไฟฟ้า สถานที่ที่ดำเนินการทดลองอยู่ในบริเวณสถานีพลังงานทดแทนแหลมพรหมเทพ ที่เกาะภูเก็ต ซึ่งมีแรงลมตะวันตกเฉียงใต้จากทะเลอันดามัน ในช่วงมรสุม ในระยะแรกทาง กฟผ. ได้ทดลองติดตั้งกังหันลม 2 ชุด เป็นกังหันลมที่มีใบกังหัน 3 ใบ แบบแกนหมุนในแนวนอน ความเร็วรอบของกังหันประมาณ 350 รอบต่อนาที ที่ความเร็วลม 12.1 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 2,400 ฟุตต่อนาที ความเร็วลมที่สามารถเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 3.1 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 600 ฟุตต่อนาที ความสูงของเสากังหันลม 20 เมตร ซึ่งจะสามารถผลิตไฟฟ้ากระแสตรงได้รวม 20 kW ประจุเก็บไว้ในแบตเตอรี่ จำนวน 120 ลูก แต่ละลูกมีแรงดันไฟฟ้าเท่ากับ 2 โวลท์ เพื่อจะได้ขนาดแรงดันไฟฟ้ารวม 240 โวลท์ กระแสตรง แล้วจึงใช้ชุดเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าตรงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ แบบ 3 เฟส 416 โวลท์ 50 Hz ขนาด 15 kVA ผ่านหม้อแปลงไฟฟ้า เพื่อเชื่อมโยงกับระบบจำหน่ายขนาด 33 kV 3 เฟส โดยติดตั้งแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2536
กังหันลมอีกชุดหนึ่ง เป็นกังหันลมที่มีใบกังหัน 3 ใบ เป็นแบบแกนหมุนในแนวนอน ความเร็ว รอบของกังหันประมาณ 38 รอบต่อนาที ที่ความเร็วลม 13 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 2,660 ฟุตต่อนาที ความเร็วลมที่สามารถเริ่มผลิตกระแสไฟฟ้าได้คือ 4 เมตรต่อวินาที หรือประมาณ 800 ฟุตต่อนาที ความสูงของเสากังหันลม 31 เมตร ขนาดกำลังผลิตสูงสุด 150 kW เป็นกังหันลมชนิดติดตั้งกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ 3 เฟส 400 โวลท์ 50 Hz โดยติดตั้งแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2539
จากการทดลองจ่ายไฟฟ้าที่ผลิตได้จากกังหันลม เข้าสู่ระบบจำหน่าย พบว่า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จะมีประโยชน์กับท้องถิ่นบริเวณนั้น ซึ่งเป็นบริเวณปลายสายส่งโดยเฉพาะ ในช่วงเวลาที่ต้องการใช้ไฟฟ้าปริมาณมาก แต่การใช้กังหันลมจะประสบปัญหาในด้านพลังงานไฟฟ้าที่ผลิตได้จะไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากความเร็วและทิศทางของลมไม่แน่นอน อีกทั้งเสาของกังหันลมมี
รูปที่ 3 แผนที่ การติดตั้ง
กันหันลมที่แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต
รูปที่ 4 แสดงการติดตั้งกันหันลมที่แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต
ขนาดทำให้ต้องใช้พื้นที่ในการติดตั้งมาก ดังเช่นในสถานที่ทดลองกังหันลมขนาด 150 kW มีขนาดใหญ่ จึงต้องนำไปติดตั้งใกล้กับหน้าผาชัน ทำให้เผชิญกับกระแสลมแปรปรวน และการสั่นสะเทือน อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเสียหายแก่ชิ้นส่วนต่างๆ ของกังหันลม รวมไปถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของกังหันลมยังต้องนำเข้าจากต่างประเทศทำให้ค่าใช้จ่ายสูง และเป็นการเสียดุลการค้ากับต่างชาติ
ดังนั้น ในอนาคตหากจะพัฒนาให้สามารถนำพลังงานลมมาใช้ได้ ควรที่จะคำนึงถึง
ผลกระทบ ในด้านต่างๆ ด้วย ในสภาวะปัจจุบัน โลกกำลังมีปัญหาทางด้านสิ่งแวดล้อมราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ปริมาณการใช้พลังงานที่มากขึ้น ดังนั้น การทดลองนี้จะเป็นแนวทางเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ และเป็นทางเลือกพลังงานอีกทางหนึ่งที่สะอาดและมีอยู่อย่างไม่จำกัด จึงควรที่ภาครัฐจะให้ความสำคัญ และให้การสนับสนุนการวิจัย เพื่อการพัฒนาให้เป็นแหล่งพลังงาน
สถานภาพการใช้ประโยชน์จากพลังงานลมในการผลิตกระแสไฟฟ้า
งานศึกษาและทดลองใช้พลังงานลมผลิตไฟฟ้า ได้รับการบรรจุเป็นแผนการพัฒนาพลังงานทดแทนของ กฟผ. ประมาณ 10 ปีมาแล้ว ในขั้นแรก กฟผ. ได้รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวกับพลังงานลมทั่วประเทศ โดยได้รับความร่วมมือจากกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่าความเร็วลมในประเทศไทยโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับปานกลาง - ต่ำ คือต่ำกว่า 4 เมตร/วินาที บริเวณที่มีความเร็วสูงสุดอยู่แถวชายฝั่งและเกาะต่าง ๆ ในอ่าวไทยและทางภาคใต้ สถานที่น่าสนใจในการทดลองใช้พลังงานลม คือ แหลมพรหมเทพ จังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีความเร็วลมเฉลี่ย 5 เมตร/วินาที
กฟผ. ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีและมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยสนับสนุนทุนวิจัยออกแบบสร้างกังหันและนำไปติดตั้งทดลอง ปรากฏผลว่ามีปัญหาเกี่ยวกับระบบส่งกำลังและความเข็งแรงของใบกังหัน และเมื่อ กฟผ. ทดลองออกแบบสร้างกังหันแบบล้อจักรยาน นำไปติดตั้งใช้งานที่ชายฝั่งทะเลบริเวณบ้านอ่าวไผ่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ก็พบว่ามีปัญหาเรื่องระบบส่งกำลัง เช่นกัน ในปี พ.ศ. 2526 กฟผ. ได้ร่วมมือกับหน่วยราชการจังหวัดภูเก็ต จัดตั้งสถานีทดลองใช้งานขึ้นในจังหวัด เพื่อรวบรวมข้อมูลนำไปวิเคราะห์ทางเทคนิคและเศรษฐศาสตร์ โดยนำกังหันลมผลิตไฟฟ้าซึ่งสั่งซื้อจากต่างประเทศ ติดตั้งในบริเวณแหลมพรหมเทพ จำนวน 4 ชุด ในขนาด 18.5 KW. 2 KW. 1 KW. และ 0.83 KW. พร้อมทั้งติดตั้งอุปกรณ์บันทึกข้อมูล Digital Data Logger และ Strip Chart Recorder ไว้อย่างครบถ้วน ไฟฟ้าที่ผลิตได้นั้นนำมาใช้ในบริเวณสถานีทดลอง โดยใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ที่ติดตั้งไว้
ผลการวิเคราะห์สรุปได้ว่ากังหันลมที่ใช้ผลิตกระแส ไฟฟ้า ในสถานีนี้ ใช้งานได้ดีพอ
สมควร แต่มีปัญหาเรื่องชิ้นส่วนบางชนิด เช่น ใบกังหันและตลับลูกปืนชำรุด และยังมีปัญหาด้านการจัดซื้ออะไหล่จากต่างประเทศในบางกรณี เมื่อการทดลองใช้พลังงานลมผลิตไฟฟ้าปรากฏผลเป็นที่พอใจ ในปี พ.ศ.2531 กฟผ. จึงกำหนดแผนงานเชื่อมโยงระบบกังหันลม เพื่อผลิตไฟฟ้าเข้าสู่ระบบจำหน่ายของ กฟภ. เพื่อการใช้งานจริงและเพื่อศึกษาหาทางพัฒนาการใช้พลังงานลมกับระบบด้วย และด้วยความร่วมมือจาก กฟภ. การจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบได้เริ่มขึ้นในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2533 นับเป็นการนำไฟฟ้าจากพลังงานลมมาใช้งาน โดยผ่านระบบจำหน่าย เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2535 กฟผ. ทำการติตั้งกังหันลมเพิ่มขึ้นอีก 2 ชุด ขนาดกำลังผลิต ชุดละ 10 กิโลวัตต์ เชื่อมโยงเข้าระบบฯ เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ในบริเวณสถานีทดลองแหลมพรหมเทพนี้ กฟผ.ได้ติดตั้ง ระบบผลิตไฟฟ้าจากเซลล์แสงอาทิตย์ ขนาดกำลังผลิต 5 กิโลวัตต์ เพื่อใช้งานร่วมกับกังหันลมและจะเชื่อมโยงเข้ากับระบบจำหน่ายของ กฟภ. อีกด้วย
การติดตั้งกังหันลมผลิตไฟฟ้า ที่แหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต