ที่มา - http://www.dharmniti.co.th/Report/Doc/10_04_50.php
เงินได้ของแพทย์เสียภาษีอย่างไร
|
โดย สมเดช โรจน์คุรีเสถียร (สงวนลิขสิทธิ์) |
|
หากมีใครถามว่าอาชีพอะไรที่คนทั่วไปอยากเป็นมากที่สุดอาชีพหนึ่งของประเทศไทยเรา คงตอบได้ทันทีว่า แพทย์หรือหมอ เพราะเป็นอาชีพที่มีเกียรติที่ต้องดูแลรักษาชีวิตให้กับเพื่อนมนุษย์นับล้านคนให้อยู่รอดปลอดภัย แต่คนที่จะมีอาชีพเป็นแพทย์รักษาโรคได้นั้นต้องมีการศึกษาหาความรู้ค่อนข้างมาก เวลาเรียนก็ยาก จบมาทำงานก็ยาก คนที่เรียนได้จึงถูกมองว่าเก่ง มีความรู้ความสามารถอย่างแท้จริงที่ต้องจดจำความรู้ต่าง ๆ ได้อย่างแม่นยำ การมีอาชีพแพทย์ตามกฎหมายภาษีอากรเราเรียกกันว่า การประกอบโรคศิลปะ ซึ่งเป็นการปฏิบัติเพื่อรักษาโรคให้แก่คนไข้หรือผู้ป่วย
ปัญหารายได้ของแพทย์มักจะมีข้อถกเถียงกันว่า เป็นเงินได้ประเภทใดในการคำนวณภาษีอากรในแต่ละปี เงินได้ของแพทย์หรือผู้ประกอบโรคศิลปะจะมีเงินได้อยู่ 3 ประเภทด้วยกัน คือ
- เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) เงินเดือน ค่าจ้าง
- เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) รับจ้างทำงานให้
- เงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) วิชาชีพอิสระ
เนื่องจากเงินได้ของผู้ประกอบโรคศิลปะแต่ละประเภทดังกล่าวข้างต้นมีวิธีการคำนวณภาษีอากรแตกต่างกันหรือเสียภาษีไม่เท่ากัน หากผู้มีเงินได้มีเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ 40(2) ต้องนำเงินได้ทั้งสองประเภทมารวมกันในการคำนวณภาษีและสามารถนำไปหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ 40% แต่รวมกันไม่เกิน 60,000 บาท แต่หากเงินได้พึงประเมินเป็นเงินได้ตามมาตรา 40(6) สามารถหักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาได้ 60% ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบโรคศิลปะเสียภาษีเงินได้น้อยกว่าเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) และ (2) หลักเกณฑ์ในการพิจารณาว่าเงินได้พึงประเมินของผู้ประกอบโรคศิลปะเป็นเงินได้พึงประเมินประเภทใด จะมีหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะทำงานในสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชนโดยได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือนหรือค่าจ้าง ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะตาม 1. มีรายได้พิเศษจากสถานพยาบาลที่ตนทำงานอยู่ เช่น เงินค่าล่วงเวลาจากการเข้าเวร หรือค่าตอบแทนพิเศษในการรักษาผู้ป่วยเป็นต้น ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(1) แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะตาม 1. ไปทำงานเป็นครั้งคราวในสถานพยาบาลอีกแห่งหนึ่งโดยได้รับค่าตอบแทนหรือค่าจ้างจากการทำงานเป็นจำนวนแน่นอนในแต่ละเดือน ไม่ว่าหน้าที่หรือตำแหน่งงานหรืองานที่รับทำให้นั้นจะเป็นงานประจำหรือชั่วคราว ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากร
ผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะทำสัญญาหรือข้อตกลงพิเศษกับสถานพยาบาลที่ตนทำงานอยู่เพื่อประกอบโรคศิลปะเป็นการส่วนตัวนอกเวลาทำการปกติ โดยการรับตรวจและรักษาผู้ป่วยและมีข้อตกลงแบ่งเงินที่ตนได้รับจากผู้ป่วยให้แก่สถานพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะทั้งที่ทำงานประจำและมิได้ทำงานประจำในสถานพยาบาลของรัฐหรือเอกชน แต่ได้ประกอบโรคศิลปะโดยการรับตรวจและรักษาผู้ป่วยที่ตนนำเข้ามารักษาที่สถานพยาบาลอีกแห่งหนึ่งเป็นครั้งคราว ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะมีเงินได้จากการเปิดสถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาลเป็นของตนเองเฉพาะที่ไม่มีเตียงรับผู้ป่วยไว้ค้างคืน ค่าตอบแทนที่ได้รับถือเป็นเงินพึงประเมินตามมาตรา 40(6) แห่งประมวลรัษฎากร
ปัญหาการจ่ายเงินได้ให้กับผู้ประกอบโรคศิลปะตามประมวลรัษฎากรได้กำหนดให้ผู้จ่ายเงินมีหน้าที่ต้องหักภาษี ณ ที่จ่ายจากผู้รับเงิน หลักเกณฑ์การหักภาษี ณ ที่จ่ายมีดังนี้
กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะได้รับค่าตอบแทนที่เป็นเงินพึงประเมินเนื่องจากหน้าที่หรือตำแหน่งงานที่ทำหรือจากการรับทำงานให้ตามมาตรา 40(2) แห่งประมวลรัษฎากรให้ผู้จ่ายเงินได้ดังกล่าวคำนวณภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่ายไว้ทุกคราวที่จ่ายเงินตามมาตรา 50(1) แห่งประมวลรัษฎากร
กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะได้รับค่าตอบแทนที่เป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งเป็น 2 กรณีดังนี้
กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะทำสัญญาหรือข้อตกลงกับสถานพยาบาลเพื่อขอใช้สถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์เพื่อประกอบโรคศิลปะในนามของผู้ได้รับอนุญาต เพื่อตรวจและรักษาผู้ป่วย โดยผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าตรวจรักษาเอง และมีข้อตกลงแบ่งเงินค่าตรวจรักษาที่ได้รับจากผู้ป่วยให้แก่สถานพยาบาลเป็นลายลักษณ์อักษร
กรณีผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะทำสัญญาหรือข้อตกลงกับสถานพยาบาลเพื่อขอใช้สถานที่ เครื่องมือ และอุปกรณ์เพื่อประกอบโรคศิลปะในนามของผู้ได้รับอนุญาต เพื่อตรวจและรักษาผู้ป่วยและมีข้อตกลงแบ่งเงินค่าตรวจรักษาที่ได้รับจากผู้ป่วยโดยสถานพยาบาลจะเป็นผู้เรียกเก็บเงินค่าตรวจรักษาแทนผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะ แล้วนำมาจ่ายให้กับผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะเพื่อแบ่งรายได้ให้แก่สถานพยาบาลต่อไป
ทั้งกรณี (1) และ (2) ให้ถือว่าเงินที่ผู้ได้รับอนุญาตเรียกเก็บจากผู้ป่วยทั้งจำนวนเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40(6) แห่งประมวลรัษฎากรของผู้ได้รับอนุญาตให้ประกอบโรคศิลปะ มิใช่เฉพาะเงินส่วนแบ่งที่เหลือหลังจากหักส่วนแบ่งของสถานพยาบาลออกแล้ว
กรณีตาม 2. เนื่องจากสถานพยาบาลมิใช่ผู้จ่ายเงินได้ จึงไม่มีหน้าที่ต้องหักภาษีเงินได้ ณ ที่จ่ายตามข้อ 7. แห่งคำสั่งกรมสรรพากรที่ ท.ป. 4/2528 แห่งประมวลรัษฎากร
เรื่องยุ่ง ๆ ของภาษีอากรกับผู้ประกอบโรคศิลปะในการคำนวณเงินได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษีอากรค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร หากผู้ประกอบโรคศิลปะเสียภาษีผิดพลาดคลาดเคลื่อนก็อาจจะมีเบี้ยปรับ เงินเพิ่ม ที่นอกจากจะต้องระมัดระวังการรักษาผู้ป่วยแล้ว ยังคงต้องระมัดระวังการเสียภาษีอีกด้วย
ประเด็นการให้เช่าเครื่องมือแพทย์ - http://www.rd.go.th/publish/34643.0.html
นำเข้าและขายเคมีภัณฑ์ - http://www.rd.go.th/publish/34633.0.html
สุขภาพดี เริ่มที่เรา - http://www.siamsport.co.th/columnhealthyclinic.html
|